ค่า pH คืออะไร? เจาะลึกค่า pH ของน้ำประปาได้ที่นี่

สารบัญ

1. ค่า pH คืออะไร? ความหมายและหลักการเบื้องต้น

2. ค่า pH ของน้ำดื่มที่ดีควรอยู่ในช่วงไหน?

3. ค่า pH ของน้ำประปาไทย อยู่ที่เท่าไหร่? ปลอดภัยไหม?

4. วิธีวัดค่า pH ของน้ำแบบง่ายๆที่บ้าน

5. น้ำจากเครื่องกรอง RO ค่า pH ต่ำเกินไปจริงไหม?

6. ดื่มน้ำ RO ค่า pH ต่ำ อันตรายไหม?

7. ค่า pH สูงเกิดจากอะไร? และควรเติมอะไรเข้าไป

8. ค่า pH มีผลกับระบบทางเดินอาหารอย่างไร?

9. สรุป

ค่า pH (Potential of Hydrogen) คือ ตัวเลขที่บอกระดับความเป็นกรด-ด่างของสารละลาย เช่น น้ำดื่ม โดยวัดจากปริมาณ “ไฮโดรเจนไอออน (H⁺)” ที่มีอยู่ในน้ำ

• ค่า pH ต่ำ (0–6.9) = เป็นกรด
• ค่า pH กลาง (0) = เป็นกลาง (เช่น น้ำบริสุทธิ์)
• ค่า pH สูง (1–14) = เป็นด่าง

📈 ค่า pH มีช่วงตั้งแต่ 0 ถึง 14 โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่าง

อ่านต่อ : น้ำด่าง คืออะไร? มีประโยชน์และข้อดี ข้อเสียอย่างไร?

• น้ำที่มีค่า pH ต่ำเกินไป → กัดกร่อนท่อ อุปกรณ์ และไส้กรองน้ำ
• น้ำที่มีค่า pH สูงเกินไป → ก่อให้เกิดการตกตะกอนของแร่ธาตุ เช่น หินปูน (Scaling)
• pH ที่ไม่สมดุล → มีผลต่อรสชาติ และอาจไม่ปลอดภัยในการบริโภคระยะยาว

🎯 ค่า pH = ตัวชี้วัดความเป็นกรด-ด่างในน้ำ น้ำดื่มที่ดีควรมีค่า pH สมดุล ไม่เป็นกรดหรือด่างเกินไป เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพและความยั่งยืนของระบบกรองน้ำ

หน่วยงานมาตรฐานต่างประเทศ เช่น WHO (องค์การอนามัยโลก) และ EPA (สหรัฐอเมริกา) รวมถึงประกาศกรมอนามัยไทย แนะนำว่าน้ำดื่มที่ดีควรมีค่า pH อยู่ระหว่าง 6.5–8.5

• ไม่กัดกร่อน ท่อ ไส้กรองน้ำ และอุปกรณ์น้ำ
• รสชาติกลางๆ ดื่มง่าย ไม่เปรี้ยว ไม่ฝาด
• ปลอดภัยกับกระเพาะอาหาร และระบบย่อยอาหาร
• ลดความเสี่ยง การปนเปื้อนโลหะหนักจากการกัดกร่อนของระบบท่อน้ำ

ค่า pH ของน้ำประปาไทย ตามเกณฑ์ของการประปานครหลวง (กปน.), กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ WHO (องค์การอนามัยโลก) น้ำประปาที่ดีควรมีค่า pH อยู่ระหว่าง 6.5 – 8.5 ซึ่งน้ำประปาไทยส่วนใหญ่มีค่า pH อยู่ที่ประมาณ

📌 สรุป : น้ำประปาไทยโดยเฉลี่ยอยู่ในช่วงที่ปลอดภัย สำหรับการบริโภค และการใช้งานทั่วไป

แม้ว่าค่า pH โดยรวมจะได้มาตรฐาน แต่ปัจจัยที่ทำให้น้ำประปาอาจมีปัญหา ได้แก่ :

• ท่อเก่า สนิมสะสม → ทำให้น้ำมีโลหะหนักปนเปื้อน แม้ค่า pH จะปกติ
• ถังพักน้ำไม่ได้ล้าง → เกิดตะไคร่หรือสิ่งสกปรกในน้ำ
• การเติมคลอรีนมากเกินไป → pH อาจผิดเพี้ยน หรือมีกลิ่น-รสแปลกๆ

ดังนั้น ถึงแม้น้ำจากโรงงานผลิตจะได้มาตรฐาน แต่พอผ่านท่อบ้าน ผ่านถังเก่า ก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้

วิธีที่ 1 : ใช้กระดาษลิตมัส (Litmus Paper)

1. ตักน้ำใส่ถ้วยสะอาด
2. จุ่มกระดาษลิตมัสลงในน้ำประมาณ 2–3 วินาที
3. นำกระดาษมาเทียบสีในแถบสเกล
4. อ่านค่าพร้อมประเมินว่ากรด-กลาง-ด่าง

📌 เหมาะสำหรับวัดคร่าวๆได้รวดเร็ว

วิธีที่ 2 : ใช้ชุดน้ำยา Test Kit

1. ใส่น้ำลงในขวดทดสอบที่ให้มา
2. หยดน้ำยาตามจำนวนที่ระบุ (เช่น 3 หยด)
3. เขย่าเบาๆรอให้เปลี่ยนสี
4. เทียบสีของน้ำกับแถบสเกลที่แนบมา

📌 แม่นยำกว่าแบบกระดาษ โดยเฉพาะช่วง 6.5–8.5

วิธีที่ 3 : ใช้เครื่องวัด pH แบบดิจิทัล

1. เปิดเครื่อง กดปุ่ม Calibration หากจำเป็น
2. จุ่มหัววัดลงในน้ำที่เตรียมไว้
3. รอจนตัวเลขค่าคงที่ (ประมาณ 5–10 วินาที)
4. อ่านค่า pH ที่หน้าจอโดยตรง

📌 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูง หรือใช้งานประจำ

• ใช้น้ำในถ้วยสะอาดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากแก้วเก่า
• ทดสอบในอุณหภูมิห้อง (25°C) เพื่อความแม่นยำ
• ควรสอบเทียบ (Calibrate) เครื่องวัดดิจิทัลทุก 1–2 เดือน

จริงครับ เพราะการกรองแบบ RO จะกรองอนุภาคขนาดเล็กทุกชนิดออกไปได้เกือบทั้งหมด รวมถึงแร่ธาตุจำเป็นในน้ำ เช่น แคลเซียม, แมกนีเซียม และไอออนที่ช่วยรักษาสมดุลความเป็นด่างของน้ำ

เมื่อน้ำสูญเสียแร่ธาตุเหล่านี้ → น้ำจะมีความเป็นกรดอ่อนๆเล็กน้อย ทำให้ค่า pH ของน้ำ RO มักอยู่ในช่วงประมาณ 5.0 – 6.5

อ่านต่อ : น้ำ RO คืออะไร? มีคุณสมบัติอะไร? มีข้อดี ข้อเสียยังไง?

ไม่อันตรายสำหรับคนปกติ เนื่องจาก

• ร่างกายมีระบบควบคุมกรด-ด่าง (Buffer System) ที่มีประสิทธิภาพสูง
• น้ำ RO ที่ pH ต่ำเล็กน้อย (5.5–6.5) ไม่ส่งผลเสียโดยตรงต่อสุขภาพ
• มีงานวิจัยรองรับว่า การดื่มน้ำ RO ปกติในชีวิตประจำวัน ไม่มีผลกระทบในคนที่สุขภาพดี

แต่กรณีที่อาจต้องพิจารณาเพิ่มเติม :

• คนที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร (กรดไหลย้อน, แผลในกระเพาะ)
• กลุ่มเด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ หรือคนที่มีโรคเรื้อรัง

📌 ในกรณีนี้แนะนำใช้เครื่องกรองน้ำ RO แบบเติมแร่ (Mineralizer) เพื่อทำให้น้ำมีค่า pH สมดุลขึ้น และเพิ่มแร่ธาตุที่มีประโยชน์กลับคืน

• น้ำมีรสขม ฝาด ไม่อร่อย
• เกิดคราบหินปูน (Scaling) เร็วขึ้น → ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย เช่น ตู้กดน้ำ เครื่องกรองน้ำ
• ประสิทธิภาพการกรองลดลง (โดยเฉพาะไส้กรอง RO)
• ในบางกรณี อาจทำให้แร่ธาตุบางชนิดจับตัวเป็นตะกอนในน้ำ

🎯 สรุป : ช่วง pH ที่แตกต่างกันในแต่ละอวัยวะ มีหน้าที่เฉพาะ ร่างกายต้องรักษาสมดุลกรด-ด่างอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้กระบวนการย่อยทำงานได้เต็มที่

• ผู้มีปัญหาโรคกระเพาะ, กรดไหลย้อน
• เด็กเล็ก
• ผู้สูงอายุ
• ผู้ที่มีโรคไต หรือโรคเรื้อรังเกี่ยวกับความสมดุลอิเล็กโทรไลต์

ค่า pH คือ ตัวชี้วัดความเป็นกรดหรือด่างของน้ำ ซึ่งมีผลต่อทั้งรสชาติ คุณภาพ และความปลอดภัยของน้ำดื่มที่เราบริโภคทุกวัน

น้ำดื่มที่ดีควรมีค่า pH อยู่ระหว่าง 6.5–8.5

• ถ้า pH ต่ำเกินไป → น้ำมีความเป็นกรด อาจทำให้กัดกร่อนท่อ เครื่องใช้ไฟฟ้า และกระทบสุขภาพในระยะยาว
• ถ้า pH สูงเกินไป → น้ำอาจมีรสฝาด ขม และทำให้เกิดคราบหินปูนสะสมในระบบกรองน้ำหรือเครื่องกดน้ำ

โดยทั่วไปน้ำประปาไทยมีค่า pH อยู่ในช่วงที่ปลอดภัย แต่ปัญหาเรื่องสนิม ท่อเก่า หรือระบบน้ำเก่า อาจทำให้ค่า pH เปลี่ยนแปลงได้แบบไม่รู้ตัว

การวัด pH ที่บ้านก็ทำได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะใช้กระดาษลิตมัส, ชุดทดสอบน้ำ, หรือเครื่องวัด pH ดิจิทัล เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าน้ำที่ดื่มปลอดภัยและสมดุลจริง

โดยเฉพาะน้ำจากเครื่องกรอง RO ซึ่งมักมีค่า pH ต่ำกว่าน้ำปกติ → แนะนำให้เสริมไส้กรองเติมแร่ (Mineralizer) เพื่อให้ได้น้ำดื่มที่ทั้งสะอาดและมีแร่ธาตุจำเป็น

สุดท้าย ระบบทางเดินอาหารของเราต้องอาศัยสมดุลกรด-ด่างที่เหมาะสม การเลือกดื่มน้ำที่มีค่า pH เหมาะสมจึงเป็นอีกหนึ่ง “เรื่องเล็กที่ส่งผลใหญ่” ต่อสุขภาพในระยะยาว

Line		คลิกที่นี่เพื่อ Chat ทันที
E-mail	siamcooler1@gmail.com
Facebook	@siamcooler
Youtube	@siamcooler
ออฟฟิศ	02-539-2630	02-539-2607
	02-538-6343
มือถือ	092-364-4629 (ฝ่ายขาย)	087-935-1415 (ฝ่ายซ่อมบำรุง)
แฟกซ์	02-931-1381

Siamcooler Mart and Service ยินดีให้คำปรึกษาและให้บริการอย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยลูกค้าแก้ปัญหา เปรียบเสมือนแผนกหนึ่งในองค์กรที่ช่วยดูแลเรื่องตู้กดน้ำ ไส้กรองน้ำ เครื่องกรองน้ำ อะไหล่ และบริการบำรุงรักษา เช่น การล้างทำความสะอาด การซ่อมบำรุง การทำสัญญาบริการรายปี

ประสบการณ์กว่า 20 ปี มีฐานลูกค้ามากกว่า 6,000 ราย ได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐ เอกชน โรงเรียน ครัวเรือน และขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จากการบอกต่อของลูกค้าที่ประทับใจในการใช้บริการกับเรา สามารถชื่นชมผลงานที่ผ่านมาของเราได้ที่นี่