เครื่องทำน้ำเย็น เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้เรามีน้ำเย็นสดชื่นพร้อมดื่มตลอดทั้งวัน และในบางรุ่นยังมีระบบน้ำร้อนเพิ่มความสะดวกสบายอีกด้วย แต่เคยสงสัยไหมว่า “เราควรถอดปลั๊กเครื่องทำน้ำเย็นหรือไม่?” หลายคนอาจคิดว่าการถอดปลั๊กช่วยประหยัดไฟ และยืดอายุการใช้งาน แต่จริงๆแล้ว การถอดปลั๊กบ่อยเกินไป อาจทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น และกินไฟมากกว่าที่คิด!
แล้วตอนไหนที่ควรถอดปลั๊ก? ตอนไหนที่ไม่ควรถอด? บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อดี-ข้อเสียของการถอดปลั๊ก พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณใช้เครื่องทำน้ำเย็นได้อย่างคุ้มค่า ประหยัดไฟ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นครับ
การถอดปลั๊กตู้ทำน้ำเย็นในบางสถานการณ์สามารถช่วยประหยัดไฟ และ ยืดอายุการใช้งานของเครื่องได้ครับ มาดูกันว่าเราควรถอดปลั๊กตอนไหนบ้าง
✅ 1. เมื่อไม่ใช้งานเป็นเวลานาน (มากกว่า 2-3 วันขึ้นไป)
- 🔹 ถ้าคุณไม่อยู่บ้านหลายวัน เช่น ไปเที่ยว, เดินทางไปทำงานต่างจังหวัด, หรือหยุดยาว
- 🔹 ควรถอดปลั๊กเพื่อป้องกันการใช้ไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น และลดความเสี่ยงจากไฟกระชาก
💡 แนะนำ : ก่อนถอดปลั๊กให้เทน้ำออกจากถังน้ำเย็น-น้ำร้อนและทำความสะอาด
✅ 2. เมื่อไม่ได้ใช้ระบบน้ำร้อน
- 🔹 ระบบน้ำร้อนใช้ไฟสูงมาก (400-800W) ถ้าไม่ได้ใช้น้ำร้อนเป็นประจำ ควรปิดสวิตช์น้ำร้อน หรือ ถอดปลั๊กออก
- 🔹 เครื่องบางรุ่นมีปุ่มเปิด-ปิดแยกสำหรับน้ำร้อน ถ้าไม่มี ควรถอดปลั๊กแล้วเสียบใหม่เมื่อจำเป็น
💡 วิธีนี้ช่วยลดค่าไฟได้มากถึง 100-150 บาท/เดือน
✅ 3. เมื่อต้องย้ายเครื่อง หรือล้างทำความสะอาด
- 🔹 ก่อนเคลื่อนย้ายเครื่องไปยังตำแหน่งใหม่ ให้ถอดปลั๊กก่อนเสมอ
- 🔹 ถอดปลั๊กก่อนล้างทำความสะอาดถังน้ำเย็นและถังน้ำร้อน เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
💡 แนะนำ : หลังล้างเครื่อง ควรเช็ดตัวเครื่อง หรือรอให้แห้งก่อนเสียบปลั๊กกลับ
✅ 4. เมื่อต้องซ่อมแซม หรือมีปัญหาทางไฟฟ้า
- 🔹 ถ้าพบว่าเครื่องมีปัญหา เช่น น้ำไม่เย็น, น้ำร้อนไม่ทำงาน, หรือได้ยินเสียงดังผิดปกติ ให้ถอดปลั๊กก่อนตรวจสอบ
- 🔹 ถ้ารู้สึกว่าเครื่องร้อนผิดปกติ หรือมีกลิ่นไหม้ ควรถอดปลั๊กทันทีเพื่อป้องกันอันตราย
💡 แนะนำ : ควรเรียกช่างหากพบปัญหาด้านไฟฟ้าหรือระบบภายใน
✅ 5. เมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง หรือไฟฟ้าตกบ่อย ๆ
- 🔹 ไฟกระชากจากฟ้าผ่าอาจทำให้ระบบคอมเพรสเซอร์หรือวงจรไฟฟ้าเสียหาย
- 🔹 ถ้าที่บ้านไฟตกหรือไฟดับบ่อย ควรถอดปลั๊กในช่วงที่เกิดเหตุ
💡 แนะนำ : ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีระบบป้องกันไฟกระชากเพื่อความปลอดภัย
แม้ว่าการถอดปลั๊กจะช่วยประหยัดไฟ และ ยืดอายุการใช้งานเครื่องได้ แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่ไม่ควรถอดปลั๊กครับ เพราะอาจส่งผลเสียต่อเครื่องหรือความสะดวกในการใช้งาน มาดูกันว่ามีกรณีไหนบ้าง
❌ 1. เมื่อใช้งานเป็นประจำทุกวัน
- 🔹 ถ้าคุณต้องใช้น้ำเย็นบ่อย (บ้าน, สำนักงาน, ร้านค้า) การถอดปลั๊กบ่อยๆ อาจทำให้ต้องรอให้เครื่องทำความเย็นใหม่ทุกครั้งที่เสียบปลั๊ก
- 🔹 เครื่องทำน้ำเย็นใช้ระบบคอมเพรสเซอร์ ซึ่งต้องใช้เวลาทำงานก่อนที่น้ำจะเย็น
- 🔹 การถอดปลั๊กบ่อยเกินไป อาจทำให้คอมเพรสเซอร์เสื่อมเร็วขึ้น เพราะต้องเริ่มทำงานใหม่บ่อยครั้ง
💡 แนะนำ : ถ้าต้องการประหยัดไฟ ให้ปิดเฉพาะระบบน้ำร้อนแทน
❌ 2. เมื่อมีน้ำเหลือในถังและยังต้องการใช้น้ำเย็น-น้ำร้อน
- 🔹 ถ้าถอดปลั๊กในขณะที่ยังมีน้ำในเครื่อง น้ำอาจเสียอุณหภูมิเร็ว
- 🔹 น้ำเย็นจะอุ่นขึ้น และน้ำร้อนจะเย็นลง ทำให้เสียประสิทธิภาพของเครื่อง
- 🔹 ถ้าน้ำไม่ได้ถูกใช้งานนานๆ อาจเกิดการสะสมของแบคทีเรียได้
💡 แนะนำ : ถ้าจะถอดปลั๊ก ควรเทน้ำออกจากแท้งค์น้ำก่อน
❌ 3. เมื่อเครื่องยังอยู่ในรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์
- 🔹 คอมเพรสเซอร์ในเครื่องทำน้ำเย็นมีระบบทำงานเป็นรอบๆ
- 🔹 ถ้าถอดปลั๊กในขณะที่คอมเพรสเซอร์กำลังทำงานอยู่ อาจทำให้แรงดันภายในระบบสูงขึ้นและเกิดความเสียหายได้
- 🔹 การเปิด-ปิดเครื่องบ่อยเกินไป อาจทำให้คอมเพรสเซอร์เสื่อมเร็วและกินไฟมากขึ้น
💡 แนะนำ : ถ้าจำเป็นต้องถอดปลั๊ก ให้รอ 3-5 นาที หลังจากคอมเพรสเซอร์หยุดทำงาน แล้วค่อยถอด
❌ 4. เมื่อต้องการให้เครื่องพร้อมใช้งานตลอดเวลา
- 🔹 ถ้าใช้ในที่ทำงานหรือสำนักงานที่มีคนใช้น้ำตลอดทั้งวัน การถอดปลั๊กอาจทำให้เครื่องไม่พร้อมใช้งาน
- 🔹 ถ้าต้องเสียบปลั๊กใหม่บ่อยๆ เครื่องต้องเริ่มทำความเย็นใหม่ตลอด ทำให้กินไฟมากขึ้น
💡 แนะนำ : เสียบปลั๊กไว้ตลอด แต่ปิดสวิตช์น้ำร้อนถ้าไม่ได้ใช้
❌ 5. กรณีที่บ้านมีไฟฟ้าไม่เสถียร แต่มีเครื่องสำรองไฟ (UPS)
- 🔹 ถ้าพื้นที่ที่คุณอยู่มีปัญหาไฟตกหรือไฟดับบ่อย การถอดปลั๊กอาจไม่จำเป็น ถ้าคุณมีเครื่องสำรองไฟ (UPS)
- 🔹 UPS สามารถช่วยควบคุมแรงดันไฟและป้องกันไฟกระชาก ซึ่งจะดีกว่าการถอดปลั๊กบ่อยๆ
💡 แนะนำ : ถ้ากังวลเรื่องไฟกระชาก ให้ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีระบบกันไฟกระชากแทน
หากถอดปลั๊กบ่อย อาจส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของเครื่อง และประสิทธิภาพการทำงาน มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นถ้าถอดปลั๊กบ่อยเกินไป
❌ 1. คอมเพรสเซอร์เสื่อมเร็วขึ้น
- 🔹 คอมเพรสเซอร์ในตู้ทำน้ำเย็น ทำงานเป็นรอบๆ และต้องใช้เวลาในการปรับแรงดันน้ำยาทำความเย็น
- 🔹 ถอดปลั๊กแล้วเสียบใหม่บ่อยๆ ทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องเริ่มทำงานใหม่ตลอดเวลา
- 🔹 อาจเกิดแรงดันสะสมในระบบ ทำให้ชิ้นส่วนภายในสึกหรอเร็วขึ้น
- 🔹 อาจทำให้คอมเพรสเซอร์ไหม้หรือพังเร็วขึ้น
💡 วิธีป้องกัน : ถ้าจำเป็นต้องถอดปลั๊ก ควรรออย่างน้อย 3-5 นาที ก่อนเสียบปลั๊กใหม่
❌ 2. ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น แทนที่จะประหยัด
- 🔹 เครื่องทำน้ำเย็นใช้พลังงานมาก ตอนที่เริ่มต้นทำความเย็นใหม่
- 🔹 ถ้าถอดปลั๊กแล้วเสียบใหม่บ่อยๆ คอมเพรสเซอร์จะต้องเริ่มจากอุณหภูมิห้องทุกครั้ง ทำให้กินไฟมากกว่าปกติ
- 🔹 ระบบน้ำร้อน (ถ้ามี) ก็ต้องเริ่มต้มน้ำใหม่หมด ทำให้ใช้ไฟมากกว่าการเปิดเครื่องไว้ตลอด
💡 วิธีป้องกัน : ถ้าต้องการประหยัดไฟ ปิดเฉพาะระบบน้ำร้อนแทนการถอดปลั๊กทั้งหมด
เครื่องทำน้ำเย็น ราคาโรงงาน
⭐ สะอาด ประหยัด ใช้งานง่าย ⭐
ไม่ต้องลำบากซื้อน้ำแพ็คให้เปลืองเงิน แค่เดินไปกรอกน้ำก็ดื่มได้ทันที เหมาะกับออฟฟิศสำนักงาน โรงงาน โรงเรียนที่มีคนจำนวนมาก ทำให้ทุกคนเข้าถึงน้ำสะอาดได้ง่าย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกด้วยครับ
เช็คราคาเครื่องทำน้ำเย็น❌ 3. น้ำไม่เย็น-ไม่ร้อนเมื่อจำเป็นต้องใช้
- 🔹 ถอดปลั๊กบ่อย ทำให้น้ำเย็นและน้ำร้อนต้องเริ่มใหม่ทุกครั้ง
- 🔹 ถ้าต้องการใช้งานทันที ต้องรอน้ำเย็นอีก 30-60 นาที และน้ำร้อนอีก 10-20 นาที
- 🔹 ทำให้เสียเวลาและไม่สะดวกต่อการใช้งาน
💡 วิธีป้องกัน : ถ้าใช้ทุกวัน ให้เสียบปลั๊กไว้เฉพาะน้ำเย็น แล้วปิดน้ำร้อนเมื่อไม่ใช้งาน
❌ 4. เสี่ยงต่อปัญหาไฟกระชาก (ไฟกระตุก) เมื่อเสียบปลั๊กใหม่
- 🔹 ถ้าถอดปลั๊กแล้วเสียบใหม่บ่อยๆ อาจทำให้เกิดไฟกระชาก (Power Surge)
- 🔹 กระแสไฟสูงตอนเปิดเครื่องใหม่ อาจทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในเสียหาย
- 🔹 ถ้าระบบไฟในบ้านไม่เสถียร อาจทำให้แผงวงจรพังเร็วขึ้น
💡 วิธีป้องกัน : ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีระบบป้องกันไฟกระชาก แทนการถอดปลั๊ก
❌ 5. อาจทำให้เกิดเชื้อโรคสะสมในถังเก็บน้ำ
- 🔹 ถอดปลั๊กแล้วปล่อยให้น้ำในถังอยู่ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน อาจทำให้แบคทีเรียและเชื้อราเติบโตเร็วขึ้น
- 🔹 โดยเฉพาะถ้าเป็นรุ่นที่ไม่มีระบบกรองน้ำ อาจทำให้น้ำมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
💡 วิธีป้องกัน : ถ้าจะถอดปลั๊กนานๆ ควรเทน้ำออกจากถัง และทำความสะอาดเครื่องก่อน
ล้างตู้กดน้ำเย็นกับเรา
สยามคูลเลอร์ มาร์ท แอนด์ เซอร์วิส รับบริการล้างตู้ทำน้ำเย็น ถังคว่ำ, ถังล่าง, กรองในตัว, ต่อตรงท่อประปา พร้อมตรวจเช็คอะไหล่ตู้น้ำดื่มด้านใน มีผลงานจริงให้รับชมทั้งรูปภาพและวิดีโอ คลิกปุ่มด้านล่างเพื่ออ่านรายละเอียด
ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบทำความเย็นแนะนำว่า “การถอดปลั๊กตู้ทำน้ำเย็นบ่อยเกินไป อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี” ดังนั้น เราควรใช้งานให้เหมาะสมตามสถานการณ์ เพื่อให้เครื่องมีอายุการใช้งานยาวนานและช่วยประหยัดไฟ โดยไม่ทำให้เครื่องเสียเร็วครับ
✅ 1. ควรเสียบปลั๊กไว้ตลอด ถ้าใช้งานเป็นประจำ
- 🔹 ตู้ทำน้ำเย็นที่ใช้ระบบคอมเพรสเซอร์ ถูกออกแบบมาให้ทำงานต่อเนื่อง การถอดปลั๊กบ่อยอาจทำให้เครื่องต้องเริ่มทำความเย็นใหม่ทุกครั้ง
- 🔹 การเปิด-ปิดเครื่องบ่อย ทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักขึ้น และอาจทำให้เสียเร็วกว่าปกติ
- 🔹 ถ้าใช้ทุกวัน ไม่ควรถอดปลั๊ก แต่ควรเปิดเครื่องทิ้งไว้
💡 ข้อแนะนำ : ถ้าอยากประหยัดไฟ ให้ปิดเฉพาะระบบน้ำร้อน แทนการถอดปลั๊กทั้งหมด
✅ 2. ถอดปลั๊กเฉพาะเมื่อไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน (3 วันขึ้นไป)
- 🔹 ถ้าต้องเดินทาง หรือไม่มีใครใช้เครื่องเป็นเวลานาน 3 วันขึ้นไป สามารถถอดปลั๊กได้เพื่อลดการใช้ไฟโดยไม่จำเป็น
- 🔹 ควรถอดปลั๊ก หลังจากเทน้ำออกจากแท้งค์และทำความสะอาดเครื่อง
💡 ข้อแนะนำ :
- ✔️ เทน้ำออกจากแท้งค์ทุกครั้งก่อนถอดปลั๊ก เพื่อป้องกันตะไคร่และเชื้อรา
- ✔️ เช็ดเครื่องให้แห้ง แล้วเสียบปลั๊กใหม่เมื่อกลับมาใช้งาน
✅ 3. ป้องกันไฟกระชากด้วยปลั๊กพ่วงที่มีระบบกันไฟกระชาก
- 🔹 การเสียบปลั๊กใหม่ทุกครั้ง อาจทำให้เกิดไฟกระชาก (Power Surge) ซึ่งอาจทำให้แผงวงจรและคอมเพรสเซอร์เสียหาย
- 🔹 ถ้าจำเป็นต้องถอดปลั๊ก แนะนำให้ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีระบบกันไฟกระชาก เพื่อป้องกันความเสียหายจากไฟฟ้าตกหรือไฟกระชาก
💡 ข้อแนะนำ :
- ✔️ ใช้ปลั๊กพ่วงคุณภาพสูงที่มี Surge Protection
- ✔️ หลีกเลี่ยงการเสียบปลั๊กเข้าออกบ่อยๆ
✅ 4. อย่าถอดปลั๊กขณะคอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่
- 🔹 หากถอดปลั๊กในขณะที่คอมเพรสเซอร์กำลังทำงาน อาจทำให้แรงดันน้ำยาทำความเย็นในระบบสูงขึ้น และเกิดความเสียหายต่อระบบทำความเย็น
- 🔹 ถ้าจำเป็นต้องถอดปลั๊ก ควรรอให้เครื่องหยุดทำงานก่อน (ประมาณ 3-5 นาที)
💡 ข้อแนะนำ :
- ✔️ ถอดปลั๊กหลังจากเครื่องหยุดทำงานแล้วเท่านั้น
- ✔️ ถ้าจะเสียบปลั๊กใหม่ ควรรออย่างน้อย 3-5 นาทีก่อนเปิดเครื่อง
✅ 5. ถ้าอยากประหยัดไฟ ให้ปิดเฉพาะระบบน้ำร้อน
- 🔹 ระบบน้ำร้อนใช้ไฟมากกว่าระบบน้ำเย็นหลายเท่า (400-800W เทียบกับ 75-100W)
- 🔹 ถ้าต้องการลดค่าไฟ ให้ปิดเฉพาะสวิตช์น้ำร้อน โดยไม่ต้องถอดปลั๊กทั้งหมด
💡 ข้อแนะนำ :
- ✔️ ถ้ารุ่นของคุณมีปุ่มปิดระบบน้ำร้อน ให้กดปิดเมื่อไม่ใช้
- ✔️ ถ้าไม่มีสวิตช์ ให้ดึงปลั๊กออกแล้วเสียบใหม่เมื่อจำเป็น
“ไม่จำเป็นต้องถอดปลั๊กตลอดเวลา” โดยเฉพาะถ้าใช้งานทุกวัน การเสียบปลั๊กไว้ช่วยให้เครื่องทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในบางกรณี การถอดปลั๊กก็เป็นทางเลือกที่ดี เช่น เมื่อไม่ได้ใช้งานนานๆ
✅ ควรเสียบปลั๊กไว้ในกรณีต่อไปนี้
- 🔹 ใช้งานทุกวัน → ถอดปลั๊กบ่อยๆ ทำให้เครื่องต้องเริ่มทำความเย็นใหม่ตลอด กินไฟมากกว่าเดิม
- 🔹 ต้องการน้ำเย็นและน้ำร้อนพร้อมใช้งานตลอดเวลา → ถอดปลั๊กจะทำให้น้ำไม่เย็น-ไม่ร้อน ต้องรอนานขึ้น
- 🔹 ป้องกันคอมเพรสเซอร์เสียหาย → ถอดปลั๊กบ่อยๆ ทำให้ระบบทำความเย็นทำงานหนักขึ้น
💡 วิธีประหยัดไฟโดยไม่ต้องถอดปลั๊ก
- ✔️ ปิดเฉพาะระบบน้ำร้อน ถ้าไม่ได้ใช้งาน (ช่วยลดค่าไฟได้มาก)
- ✔️ ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีระบบป้องกันไฟกระชาก แทนการถอดปลั๊กเอง
❌ ควรถอดปลั๊กในกรณีต่อไปนี้
- 🔹 ไม่ได้ใช้งานนานกว่า 3 วันขึ้นไป → เช่น ไปเที่ยว, หยุดยาว, หรือไม่มีคนใช้งาน
- 🔹 ต้องทำความสะอาดเครื่อง → ถอดปลั๊กก่อนเทน้ำออกและล้างถังน้ำ
- 🔹 มีปัญหาไฟตกบ่อยๆ และไม่มีตัวป้องกันไฟกระชาก → ป้องกันความเสียหายจากไฟกระชาก
- 🔹 ต้องย้ายเครื่องไปตำแหน่งใหม่ → ควรถอดปลั๊กก่อนเคลื่อนย้ายเพื่อความปลอดภัย
💡 ถ้าถอดปลั๊กนานๆ ควรทำสิ่งนี้
- ✔️ เทน้ำออกจากถังเก็บน้ำ ป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียสะสม
- ✔️ เช็ดเครื่องให้แห้งก่อนเสียบปลั๊กใหม่
เงื่อนไขการให้บริการ
- ราคาขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการให้บริการ เช่น ราคาส่งอย่างเดียว ราคาส่งพร้อมติดตั้ง สามารถสอบถามและขอใบเสนอราคาได้ตามช่องทางติดต่อด้านล่าง
- ส่งสินค้าฟรีเฉพาะเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
- หากลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด มี 2 กรณี
3.1 ส่งอย่างเดียวโดยการใช้บริการขนส่ง ค่าขนส่งขึ้นอยู่กับระยะทางและน้ำหนักสินค้า จ่ายต้นทางหรือปลายทางขึ้นอยู่กับการตกลง
3.2 ทางเราดำเนินการส่งเองพร้อมติดตั้งให้ โดยจะมีการคิดค่าน้ำมันตามระยะทางไป-กลับ
หมายเหตุ : ทางเราไม่ได้มีบริการติดตั้งทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ ทางเราไม่มีบริการติดตั้ง ขึ้นอยู่กับระยะทางและปริมาณการซื้อขาย สามารถทักมาสอบถามพูดคุยเบื้องต้นก่อนได้ตามช่องทางการติดต่อด้านล่าง
- การติดตั้งไม่รวมถึงการเดินท่อประปา, ท่อน้ำทิ้ง, ปลั๊กไฟ และสายไฟ สิ่งเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของลูกค้า
- ติดตั้งฟรีหน้างานในระยะไม่เกิน 5 เมตร จากจุดเชื่อมน้ำประปา ก๊อกน้ำ หรือวาล์วน้ำ เป็นสายอ่อน 2 หุน
- ไม่รับประกันอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพตามการใช้งาน เช่น ก๊อกน้ำ แกนก๊อก ไส้กรองน้ำ
- มีตู้สำรองให้ใช้ระหว่างการซ่อมตลอดอายุการใช้งาน หากต้องยกตู้เข้าโรงงานเพื่อตรวจเช็ค
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อสินค้า ขอใบเสนอราคา
Line | คลิกที่นี่เพื่อ Chat ทันที | |
siamcooler1@gmail.com | ||
@siamcooler | ||
Youtube | @siamcooler | |
ออฟฟิศ | 02-539-2630 | 02-539-2607 |
02-538-6343 | ||
มือถือ | 092-364-4629 (ฝ่ายขาย) | 087-935-1415 (ฝ่ายซ่อมบำรุง) |
แฟกซ์ | 02-931-1381 |
Siamcooler Mart and Service ยินดีให้คำปรึกษาและให้บริการอย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยลูกค้าแก้ปัญหา เปรียบเสมือนแผนกหนึ่งในองค์กรที่ช่วยดูแลเรื่องตู้กดน้ำ ไส้กรองน้ำ เครื่องกรองน้ำ อะไหล่ และบริการบำรุงรักษา เช่น การล้างทำความสะอาด การซ่อมบำรุง การทำสัญญาบริการรายปี
ประสบการณ์กว่า 20 ปี มีฐานลูกค้ามากกว่า 6,000 ราย ได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐ เอกชน โรงเรียน ครัวเรือน และขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จากการบอกต่อของลูกค้าที่ประทับใจในการใช้บริการกับเรา สามารถชื่นชมผลงานที่ผ่านมาของเราได้ที่นี่