หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า “ตู้ทำน้ำเย็นกินไฟมากไหม?” และ “ค่าไฟต่อเดือนจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?” ซึ่งเป็นคำถามที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เครื่องทำน้ำเย็นทั้งในบ้านและสำนักงานครับ
ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกว่าตู้ทำน้ำเย็นทำงานอย่างไร และมีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการกินไฟของตู้น้ำ นอกจากนี้ผมยังมีตัวอย่างการคำนวณค่าไฟของตู้ทำน้ำเย็น พร้อมแนะนำเคล็ดลับประหยัดไฟ ให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ถ้าคุณกำลังลังเลว่าจะซื้อตู้ทำน้ำเย็นดีไหม หรือกลัวว่าจะสิ้นเปลืองค่าไฟ คำตอบมีครบถ้วนแน่นอนครับ
ตู้ทำน้ำเย็น (Water Dispenser หรือ Water Cooler) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำความเย็นและจ่ายน้ำดื่ม ซึ่งมักพบในสำนักงาน โรงเรียน โรงพยาบาล และบ้านเรือน บางรุ่นมีระบบทำน้ำร้อนในตัวเพื่อให้สะดวกในการใช้น้ำร้อนชงเครื่องดื่มหรือทำอาหาร
การทำงานของตู้กดน้ำเย็นจะใช้ “ระบบทำความเย็น” เพื่อลดอุณหภูมิของน้ำให้เย็นลง ส่วนรุ่นที่มีน้ำร้อน จะมีฮีตเตอร์ เพื่อทำความร้อน น้ำเย็นและน้ำร้อนจะถูกเก็บไว้ในถังแยกกัน
🔹 ระบบทำความเย็นของตู้ทำน้ำเย็น นิยมใช้ระบบคอมเพรสเซอร์ (Compressor Cooling System)
- ใช้หลักการเดียวกับตู้เย็น โดยมีคอมเพรสเซอร์ทำงานร่วมกับสารทำความเย็น เช่น น้ำยา R134A
- น้ำจะถูกทำให้เย็นลงและเก็บในถังน้ำสแตนเลส
- ทำความเย็นได้เร็วและอุณหภูมิต่ำกว่า (ประมาณ 4-10°C)
- เหมาะสำหรับการใช้งานต่อเนื่องและปริมาณน้ำเย็นมาก
🔹 ระบบทำน้ำร้อน (เฉพาะรุ่นที่มีน้ำร้อน)
- ใช้ฮีตเตอร์ไฟฟ้า (Electric Heater) เพื่อให้ความร้อนกับน้ำ
- ทำความร้อนได้สูงสุดประมาณ 85-95°C
- ควบคุมอุณหภูมิด้วยเทอร์โมสตัท (Thermostat) เพื่อป้องกันน้ำเดือดเกินไป
- 🔹 ตู้ทำน้ำเย็นทั่วไปใช้ไฟไม่มาก ถ้าเป็นรุ่นที่มีเฉพาะน้ำเย็น กำลังไฟจะอยู่ที่ 50-150W เท่านั้น แต่ถ้ามีระบบทำน้ำร้อนด้วย อาจใช้ไฟสูงขึ้นถึง 500-800W ครับ
- 🔹 โดยเฉลี่ยค่าไฟต่อเดือนสำหรับตู้ทำน้ำเย็น มีค่าประมาณ 50-250 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของตู้และพฤติกรรมการใช้งาน
🎯 ปัจจัยที่มีผลต่อการกินไฟตู้ทำน้ำเย็น
-
มีระบบน้ำร้อนหรือไม่
- รุ่นที่มีระบบน้ำร้อนจะใช้พลังงานสูงขึ้นมาก เนื่องจากฮีตเตอร์ต้องทำงานเป็นระยะๆ เพื่อรักษาอุณหภูมิของน้ำให้อยู่ที่ 85-95°C ครับ
-
ปริมาณการใช้งาน
- ถ้ามีคนใช้น้ำเย็น-น้ำร้อนบ่อย คอมเพรสเซอร์และฮีตเตอร์จะต้องทำงานบ่อยขึ้น ทำให้กินไฟมากขึ้นครับ
- ถ้าใช้น้อย คอมเพรสเซอร์จะตัดการทำงานเป็นช่วงๆ ทำให้ประหยัดไฟมากกว่า
-
อุณหภูมิห้องและสภาพแวดล้อม
- ถ้าห้องมีอากาศร้อน ตู้น้ำจะทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิของน้ำเย็น
- ถ้าตั้งเครื่องในที่อับลมหรือใกล้ผนัง คอมเพรสเซอร์จะระบายความร้อนไม่ดี ทำให้กินไฟเพิ่มขึ้น
-
ฉนวนของถังเก็บน้ำ
- ถ้าตู้มีฉนวนเก็บความเย็นและความร้อนดี จะช่วยลดการสูญเสียพลังงาน ทำให้เครื่องไม่ต้องทำงานบ่อย
-
ระบบควบคุมอุณหภูมิ
- ตู้ที่มีเทอร์โมสตัทคุณภาพดี จะช่วยลดการทำงานที่ไม่จำเป็นของคอมเพรสเซอร์และฮีตเตอร์ ทำให้ประหยัดไฟมากขึ้น
สูตรการคำนวณค่าไฟฟ้าของตู้ทำน้ำเย็น
= (กำลังวัตต์ × ชั่วโมงที่ใช้งาน) ÷ 1,000 × ค่าไฟต่อหน่วย x จำนวนวัน
ผมจะยกตัวอย่างการคำนวณค่าไฟของตู้น้ำดื่ม 2 รุ่นนะครับ
💡 ตัวอย่างการคำนวณค่าไฟ ตู้ทำน้ำเย็น รุ่น ABS-CX5
🔹 กำลังไฟ
- ทำความเย็น : 79W (0.079 kW)
- ทำความร้อน : 480W (0.48 kW)
🔹 สมมติว่าใช้งาน
- น้ำเย็น ทำงานเฉลี่ย 6 ชั่วโมง/วัน
- น้ำร้อน ทำงานเฉลี่ย 2 ชั่วโมง/วัน
🔹 ค่าไฟต่อหน่วยคิดที่อัตรา 4.15 บาท/kWh
(ผมอ้างอิงค่าไฟต่อหน่วยจาก คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งได้ประกาศอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนมกราคม – เมษายน 2568 แล้ว ในอัตรา 4.15 บาทต่อหน่วย)
1. น้ำเย็น รุ่น ABS-CX5 ❄️
- (79 วัตต์ × 6 ชม.ต่อวัน ÷ 1,000) × 4.15 × 30
- (0.079 กิโลวัตต์ × 6 ชม.วัน ) × 4.15 × 30
- 0.474 × 4.15 × 30 = 59.00 บาท
2. น้ำร้อน รุ่น ABS-CX5 🌡️
(480 วัตต์ × 2 ชม.วัน ÷1000) × 4.15 × 30
(0.48 กิโลวัตต์ × 2 ชม.วัน ) × 4.15 × 30
0.96 × 4.15 × 30
= 119.52 บาท
คลิปวิดีโอบรรยาย
การใช้ตู้ทำน้ำเย็นอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดค่าไฟได้โดยไม่กระทบต่อความสะดวกในการใช้งาน ลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ดูนะครับ
✅ 1. ปิดระบบน้ำร้อนเมื่อไม่จำเป็น
- 🔹 ระบบน้ำร้อนใช้ไฟสูงกว่าระบบน้ำเย็นมาก (480W เทียบกับ 75-79W)
- 🔹 ถ้าไม่ได้ใช้น้ำร้อนบ่อยๆ ให้ปิดสวิตช์น้ำร้อนหรือถอดปลั๊กเพื่อหยุดการทำงานของฮีตเตอร์
💰 ประหยัดไฟได้มากกว่า 100-150 บาท/เดือน
✅ 2. ตั้งตู้ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก
- 🔹 วางเครื่องห่างจากผนังอย่างน้อย 10-15 ซม. เพื่อให้ระบบระบายความร้อนของคอมเพรสเซอร์ทำงานได้ดี
- 🔹 อย่าตั้งในที่แดดจัด หรือใกล้เตาไฟ เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น
💰 ลดภาระการทำงานของคอมเพรสเซอร์ = ลดค่าไฟได้
✅ 3. ปิดเครื่องหรือถอดปลั๊กเมื่อต้องหยุดใช้งานเป็นเวลานาน
- 🔹 ถ้าต้องเดินทางหลายวัน หรือไม่ได้ใช้เครื่องเป็นเวลานาน ถอดปลั๊กออก
- 🔹 ช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นจากระบบสแตนด์บาย
💰 ลดค่าไฟที่เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น
✅ 4. หมั่นทำความสะอาดคอยล์ร้อนและถังเก็บน้ำ
- 🔹 คอยล์ร้อนที่มีฝุ่นเกาะเยอะ จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น
- 🔹 ควรทำความสะอาดคอยล์ อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ด้วยแปรงหรือลมเป่า
- 🔹 ล้างถังเก็บน้ำเพื่อลดตะกรันที่อาจทำให้ฮีตเตอร์ทำงานหนักขึ้น
💰 คอมเพรสเซอร์และฮีตเตอร์ทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น = ประหยัดไฟ
✅ 5. ใช้ไฟตรงตามแรงดันที่กำหนด (220V / 50Hz)
- 🔹 ไฟที่ไม่เสถียร (ไฟตก-ไฟเกิน) อาจทำให้เครื่องทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น
- 🔹 ควรใช้กับปลั๊กที่รองรับกำลังไฟของเครื่อง และอย่าเสียบพ่วงกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กินไฟสูง
💰 ป้องกันความเสียหายและช่วยให้เครื่องใช้ไฟตามปกติ
✅ 6. เลือกขนาดตู้ให้เหมาะกับการใช้งาน
- 🔹 ถ้าใช้งานแค่ 1-2 คน อาจเลือกรุ่นขนาดเล็ก (50-100W)
- 🔹 ถ้าเป็นสำนักงานที่มีคนใช้มาก ควรเลือกรุ่นที่มีคอมเพรสเซอร์ประสิทธิภาพสูง แทนการใช้หลายเครื่อง
💰 ใช้เครื่องขนาดพอดีช่วยลดพลังงานส่วนเกิน
✅ ตู้ที่มีเฉพาะน้ำเย็น
- ใช้ไฟเฉลี่ย 75-100W (~0.075-0.1 kW)
- ถ้าเปิดใช้งานวันละ 6 ชั่วโมง ค่าไฟเฉลี่ย 50-60 บาท/เดือน
✅ ตู้ที่มีทั้งน้ำเย็นและน้ำร้อน
- ใช้ไฟ 75-100W สำหรับน้ำเย็น + 400-800W สำหรับน้ำร้อน
- ถ้าเปิดน้ำร้อนวันละ 2 ชั่วโมง ค่าไฟเฉลี่ย 150-200 บาท/เดือน
💡 ถ้าปิดระบบน้ำร้อนเมื่อไม่ใช้งาน ค่าไฟจะลดลงไปเยอะ
🎯 ตู้ทำน้ำเย็นควรซื้อหรือไม่?
🔹 ข้อดี
- มีน้ำเย็น-น้ำร้อนให้ใช้งานสะดวก ไม่ต้องรอต้มน้ำร้อนเอง
- ระบบกรองน้ำในตัว (บางรุ่น) ช่วยให้ได้น้ำสะอาดกว่าการใช้ขวดน้ำ
- ใช้พลังงานน้อยกว่าตู้เย็นที่ต้องเปิดปิดบ่อย
- เหมาะสำหรับบ้าน สำนักงาน โรงเรียน หรือสถานที่ที่มีคนใช้จำนวนมาก
🔹 ข้อเสีย
- รุ่นที่มีน้ำร้อนกินไฟสูงกว่าปกติ (ถ้าเปิดตลอดทั้งวัน)
- ถ้าวางในที่ร้อนจัด หรือระบายอากาศไม่ดี อาจทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น
- ถ้าใช้คนเดียว อาจไม่คุ้มค่าเท่ากับการแช่น้ำในตู้เย็นแทน
ถ้าคุณใช้ตู้น้ำเป็นประจำ และปิดระบบน้ำร้อนเมื่อไม่จำเป็น ตู้ทำน้ำเย็นเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและไม่ได้กินไฟมากเกินไปครับ
เงื่อนไขการให้บริการ
- ราคาขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการให้บริการ เช่น ราคาส่งอย่างเดียว ราคาส่งพร้อมติดตั้ง สามารถสอบถามและขอใบเสนอราคาได้ตามช่องทางติดต่อด้านล่าง
- ส่งสินค้าฟรีเฉพาะเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
- หากลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด มี 2 กรณี
3.1 ส่งอย่างเดียวโดยการใช้บริการขนส่ง ค่าขนส่งขึ้นอยู่กับระยะทางและน้ำหนักสินค้า จ่ายต้นทางหรือปลายทางขึ้นอยู่กับการตกลง
3.2 ทางเราดำเนินการส่งเองพร้อมติดตั้งให้ โดยจะมีการคิดค่าน้ำมันตามระยะทางไป-กลับ
หมายเหตุ : ทางเราไม่ได้มีบริการติดตั้งทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ ทางเราไม่มีบริการติดตั้ง ขึ้นอยู่กับระยะทางและปริมาณการซื้อขาย สามารถทักมาสอบถามพูดคุยเบื้องต้นก่อนได้ตามช่องทางการติดต่อด้านล่าง
- การติดตั้งไม่รวมถึงการเดินท่อประปา, ท่อน้ำทิ้ง, ปลั๊กไฟ และสายไฟ สิ่งเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของลูกค้า
- ติดตั้งฟรีหน้างานในระยะไม่เกิน 5 เมตร จากจุดเชื่อมน้ำประปา ก๊อกน้ำ หรือวาล์วน้ำ เป็นสายอ่อน 2 หุน
- ไม่รับประกันอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพตามการใช้งาน เช่น ก๊อกน้ำ แกนก๊อก ไส้กรองน้ำ
- มีตู้สำรองให้ใช้ระหว่างการซ่อมตลอดอายุการใช้งาน หากต้องยกตู้เข้าโรงงานเพื่อตรวจเช็ค
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อสินค้า ขอใบเสนอราคา
Line | คลิกที่นี่เพื่อ Chat ทันที | |
siamcooler1@gmail.com | ||
@siamcooler | ||
Youtube | @siamcooler | |
ออฟฟิศ | 02-539-2630 | 02-539-2607 |
02-538-6343 | ||
มือถือ | 092-364-4629 (ฝ่ายขาย) | 087-935-1415 (ฝ่ายซ่อมบำรุง) |
แฟกซ์ | 02-931-1381 |
Siamcooler Mart and Service ยินดีให้คำปรึกษาและให้บริการอย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยลูกค้าแก้ปัญหา เปรียบเสมือนแผนกหนึ่งในองค์กรที่ช่วยดูแลเรื่องตู้กดน้ำ ไส้กรองน้ำ เครื่องกรองน้ำ อะไหล่ และบริการบำรุงรักษา เช่น การล้างทำความสะอาด การซ่อมบำรุง การทำสัญญาบริการรายปี
ประสบการณ์กว่า 20 ปี มีฐานลูกค้ามากกว่า 6,000 ราย ได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐ เอกชน โรงเรียน ครัวเรือน และขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จากการบอกต่อของลูกค้าที่ประทับใจในการใช้บริการกับเรา สามารถชื่นชมผลงานที่ผ่านมาของเราได้ที่นี่