สารบัญ
- มัทฉะลาเต้ คืออะไร ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับมัทฉะ
- การเลือกมัทฉะคุณภาพสำหรับชงลาเต้และเปรียบเทียบราคา
- อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับชงมัทฉะลาเต้
- ความสำคัญของคุณภาพน้ำในการชงมัทฉะ
- สูตรมัทฉะลาเต้แบบดั้งเดิมและแคลอรี่
- สูตรมัทฉะลาเต้เย็นสไตล์คาเฟ่
- เทคนิคการตีฟองนมและการจัดเสิร์ฟ
- ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงและเคล็ดลับเพิ่มเติม
- สรุป
มัทฉะลาเต้ คือ เครื่องดื่มที่ผสมผสานระหว่างผงมัทฉะคุณภาพสูงกับนมร้อนหรือนมเย็น สร้างสรรค์รสชาติที่กลมกล่อมและมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ เครื่องดื่มนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในร้านกาแฟสตาร์บัค (Starbuck) อเมซอน (Amazon) พันธุ์ไทย (Punthai) และคาเฟ่ต่างๆทั่วโลก
มัทฉะ (Matcha) คือ ผงชาเขียวแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีกระบวนการผลิตพิเศษ ใบชาจะปลูกในที่ร่มเงา 3-4 สัปดาห์ก่อนเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้สีเขียวเข้มและรสชาติหวานกว่าใบชาทั่วไป หลังเก็บเกี่ยวจะนำไปนึ่ง อบแห้ง และบดด้วยหินโบราณจนได้ผงละเอียด
ชื่อมัทฉะลาเต้ภาษาอังกฤษ เรียกว่า “Matcha Latte” หรือ “Matcha Green Tea Latte” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
ด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์นี้ ทำให้มัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารฟีนอลิกมากกว่าใบชาเขียวทั่วไปอย่างมาก
การศึกษาวิจัยในวารสาร Applied Sciences ระบุว่ามัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวเกรดต่ำถึง 137 เท่า และมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวที่ดีที่สุดถึง 3 เท่า เนื่องจากมัทชะทำมาจากใบชาทั้งใบ บดเป็นผงแล้วดื่มโดยตรง ในขณะที่ชาเขียวปกติจะต้องชงก่อนแล้วจึงทิ้งใบชาไป นอกจากนี้ยังมีไลธีอะนีน (L-Theanine) ซึ่งช่วยให้เกิดความสงบและเพิ่มสมาธิ
การเลือกมัทฉะคุณภาพดีเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะส่งผลต่อรสชาติของมัทฉะลาเต้ มัทฉะแบ่งออกเป็น 3 เกรดหลัก ได้แก่
- Ceremonial Grade (เกรดพิธีการ) – ที่มีคุณภาพสูงสุดสำหรับดื่มด้วยตัวเอง
- Premium Grade (เกรดพรีเมียม) – ที่มีคุณภาพดีและเหมาะสำหรับทำเครื่องดื่ม และ
- Culinary Grade (เกรดทำอาหาร) – ที่ออกแบบมาเพื่อการปรุงอาหารและเครื่องดื่มผสม
สำหรับการทำมัทฉะลาเต้ที่บ้าน เราแนะนำ Premium Grade เป็นอันดับแรก เนื่องจากมีรสชาติที่เข้มข้นพอดีและเมื่อผสมกับนมจะให้รสชาติที่กลมกล่อม ไม่หวานหรือขมจนเกินไป อีกทั้งยังมีราคาที่เหมาะสมกว่า Ceremonial Grade ที่มีราคาแพงมาก หากงบประมาณจำกัด Culinary Grade คุณภาพดีก็สามารถใช้ทำมัทฉะลาเต้ได้ดี
ตารางเปรียบเทียบราคามัทฉะลาเต้จากร้านดัง
ปัจจุบันหากซื้อมัทฉะลาเต้ในร้านกาแฟแบรนด์ดังที่มีชื่อเสียง ได้แก่ คาเฟ่ อเมซอน (Cafe Amazon), สตาร์บัค (Starbuck), พันธุ์ไทย (Punthai) มีราคาดังนี้
แบรนด์/ร้าน |
เมนู |
ขนาด |
ราคา (บาท) |
อเมซอน (Amazon) |
เฟรชมัทฉะลาเต้ |
มาตรฐาน |
60 |
ไลท์มัทฉะฮันนี |
มาตรฐาน |
60 |
|
สตรอว์เบอร์รีมัทฉะลาเต้ |
มาตรฐาน |
70 |
|
|
มัทฉะถั่วแดง |
มาตรฐาน (ปั่น) |
70 |
สตาร์บัค (Starbucks) |
เพียว มัทฉะ ลาเต้ (ร้อน) |
Short (ช็อต) |
145 |
Tall (แก้วเล็ก) |
160 |
||
Grande (แก้วกลาง) |
175 |
||
Venti (แก้วใหญ่) |
190 |
||
ไอซ์ เพียว มัทฉะ ลาเต้ (เย็น) |
Tall |
160 |
|
Grande |
175 |
||
Venti |
190 |
||
เพียว มัทฉะ แฟรบปูชิโน่ (ปั่น) |
Tall |
180 |
|
Grande |
195 |
||
Venti |
210 |
||
พันธุ์ไทย (Punthai) |
มัทฉะลาเต้ |
มาตรฐาน |
65 |
มัทฉะเจลลีลาเต้ |
มาตรฐาน |
75 |
|
มัทฉะฮันนี่ไลม์ |
มาตรฐาน |
65 |
|
มัทฉะแฟรปเป้ |
มาตรฐาน |
75 |
จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่า มัทฉะลาเต้ อเมซอน มีราคาประหยัดที่สุดเริ่มต้นที่ 60-70 บาท พันธุ์ไทย (Punthai Coffee) มีราคาปานกลางที่ 65-75 บาท ส่วนสตาร์บัค มีราคาสูงสุดเริ่มต้นที่ 145 บาท แต่ให้ตัวเลือกขนาดที่หลากหลาย การชงมัทฉะลาเต้ที่บ้านจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อเทียบกับการซื้อจากร้าน
หมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามระยะเวลา โปรโมชั่น หรือสาขา
มัทฉะคุณภาพดีจะมีสีเขียวสดใส ไม่ซีดจาง มีกลิ่นหอมของใบชาสดๆ และเมื่อชิมจะมีรสหวานอ่อนๆ ตามมาหลังจากรสขมเล็กน้อย Ceremonial Grade จะมีรสหวานธรรมชาติมากที่สุด Premium Grade จะมีความสมดุลระหว่างรสหวานและขม ส่วน Culinary Grade จะมีรสขมเด่นกว่าแต่เหมาะสำหรับผสมกับนมและน้ำตาล
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกรดและประเภทของมัทฉะจาก Matcha.com ผู้เชี่ยวชาญด้านมัทฉะระดับโลก
การเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณชงมัทฉะลาเต้คุณภาพเทียบเท่าร้านกาแฟได้ อุปกรณ์หลักไม่ซับซ้อนและหาซื้อง่าย
ตะกร้อไผ่ (Chasen) เป็นอุปกรณ์แบบดั้งเดิมที่ใช้ตีมัทฉะ ทำจากไผ่ที่ผ่านการแปรรูปเป็นเส้นเล็กๆ จำนวนมาก ช่วยให้การตีมัทฉะมีประสิทธิภาพมาก หากหาไม่ได้สามารถใช้เครื่องปั่นเล็กๆ หรือเครื่องปั่นมือถือได้
เครื่องตีฟองนมเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยให้มัทฉะลาเต้มีเนื้อสัมผัสนุ่มนวลเหมือนร้านกาแฟ มีให้เลือกหลายประเภท ตั้งแต่แบบไฟฟ้าขนาดเล็กจนถึงแบบเครื่องทำกาแฟที่มีฟังก์ชันตีฟองในตัว
รายการอุปกรณ์ที่จำเป็น
- ตะกร้อไผ่ (Chasen) – หรือเครื่องปั่นมือถือขนาดเล็ก
- ชามสำหรับตีมัทฉะ – ชามกว้างตีได้ง่ายกว่า
- ตะแกรงร่อนผง – เพื่อให้มัทฉะละเอียดสม่ำเสมอ
- เครื่องตีฟองนม – หรือ French Press
- เครื่องชั่งดิจิตอล – สำหรับตวงมัทฉะให้แม่นยำ
- แก้วเสิร์ฟ – ขนาด 250-300 มล.
น้ำที่ใช้ในการชงมัทฉะมีความสำคัญไม่แพ้ตัวมัทฉะเอง เนื่องจากน้ำจะเป็นตัวสกัดรสชาติและสารประโยชน์ออกมาจากผงมัทฉะ หากน้ำมีคุณภาพไม่ดี มีรสเค็ม กลิ่นคลอรีน หรือแร่ธาตุมากเกินไป จะทำให้รสชาติของมัทฉะเปลี่ยนไป
น้ำประปาในหลายพื้นที่ของประเทศไทยมักมีปัญหาเรื่องความกระด้างสูง มีรสเค็ม หรือมีกลิ่นคลอรีน การใช้เครื่องกรองน้ำคุณภาพดีจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับคนรักการชงเครื่องดื่ม
เครื่องกรองน้ำสมัยใหม่สามารถกำจัดคลอรีน สารเคมี และลดความกระด้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้น้ำสะอาด ไม่มีกลิ่น และมีรสชาติหวานอ่อนๆ ตามธรรมชาติ
สำหรับคนที่ต้องการความสะดวกในการได้น้ำคุณภาพดีตลอดเวลา ตู้กดน้ำเย็นที่มีระบบกรองในตัวจะเป็นตัวเลือกที่ดีมาก เนื่องจากจะได้น้ำที่ผ่านการกรองและมีอุณหภูมิเหมาะสำหรับการชงทันที
ระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับชงมัทฉะ คือ ระบบ RO (Reverse Osmosis) เพราะเป็นน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์สูงสุด แต่ปัญหาคือหากน้ำบริสุทธิ์มากเกินไปจะทำให้รสชาติจืด เสริมด้วยไส้กรองแร่ธาตุ (Mineral Cartridge) เพื่อเติมแร่ธาตุกลับ เนื่องจาก
- น้ำบริสุทธิ์ (TDS ต่ำมาก) จะทำให้รสชาติจืดชืด สกัดสารในมัทฉะได้ไม่เต็มที่ ขาดความกลมกล่อม
- แร่ธาตุปริมาณพอดี จะช่วยเสริมรสชาติให้กลมกล่อม สกัดสารจากมัทฉะได้ดีขึ้น สร้างสมดุลระหว่างรสหวานและขมอย่างลงตัว
คุณสมบัติของน้ำที่เหมาะสำหรับชงมัทฉะ
- ไม่มีกลิ่นคลอรีน – หรือกลิ่นแปลกๆ
- ค่า pH 6.5-7.5 – เป็นกลางเล็กน้อย
- อุณหภูมิ 70-80°C – สำหรับชงมัทฉะร้อน
- อุณหภูมิ 4-8°C – สำหรับมัทฉะลาเต้เย็น
สูตรมัทฉะลาเต้แบบดั้งเดิมเป็นพื้นฐานที่ทุกคนสามารถเรียนรู้และปรับปรุงได้ การชงแบบดั้งเดิมจะให้รสชาติสมดุลระหว่างความหวานของนม ความขมอ่อนๆ และความหอมของมัทฉะ
มัทฉะลาเต้ กี่แคลอรี่? เป็นคำถามที่หลายคนสนใจ โดยทั่วไปแล้วมัทฉะลาเต้ 1 แก้ว (250 มล.) จะมีแคลอรี่ประมาณ 120-200 แคลอรี่ ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาลและชนิดของนมที่ใช้ หากใช้นมขาดมันเนยหรือนมอัลมอนด์จะมีแคลอรี่ต่ำกว่า
เราจะเริ่มต้นด้วยการร่อนผงมัทฉะผ่านตะแกรงละเอียดเพื่อกำจัดก้อนผง จากนั้นใส่ผงมัทฉะลงในชามและเติมน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 75°C ลงไปเล็กน้อย เริ่มตีด้วยตะกร้อไผ่แนวซิกแซกจนได้เป็นเพสต์มัทฉะที่เนียน
สูตรมัทฉะลาเต้ร้อนแบบดั้งเดิม (1 แก้ว)
- ผงมัทฉะ 2 ช้อนชา (4 กรัม)
- น้ำร้อน 60 มล. (อุณหภูมิ 75°C)
- นมสด 180 มล.
- น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนชา (ปรับตามความชอบ)
วิธีทำทีละขั้นตอน
- ร่อนผงมัทฉะผ่านตะแกรงละเอียดลงในชาม
- เติมน้ำร้อน 20 มล. ตีให้เป็นเพสต์
- เติมน้ำร้อนที่เหลือทีละน้อย ตีจนเข้ากัน
- อุ่นนมและตีฟอง จนได้ฟองนุ่มๆ
- เทมัทฉะลงแก้ว เติมนมตีฟองลงไปช้าๆ
มัทฉะลาเต้เย็นเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในช่วงอากาศร้อน โดยเฉพาะในร้านกาแฟสมัยใหม่ สูตรนี้จะแตกต่างจากแบบร้อนตรงที่ต้องปรับเทคนิคการชงและสัดส่วนให้เหมาะสมกับการดื่มแบบเย็น
การทำมัทฉะลาเต้เย็นสไตล์คาเฟ่จะเน้นความเข้มข้นของรสชาติมากกว่า เนื่องจากน้ำแข็งจะทำให้รสชาติจางลงเมื่อละลาย จึงต้องใช้มัทฉะในปริมาณมากกว่าเล็กน้อย
เทคนิคสำคัญ คือ การทำไซรัปมัทฉะเข้มข้น โดยใช้น้ำอุ่นเพียงเล็กน้อยในการละลายมัทฉะและน้ำตาล จากนั้นจึงค่อยๆ เติมน้ำเย็นและนมเย็นลงไป น้ำแข็งที่ใช้ควรเป็นน้ำแข็งที่ทำจากน้ำสะอาด ไม่มีกลิ่น ซึ่งจะไม่ทำลายรสชาติของมัทฉะลาเต้
สูตรมัทฉะลาเต้เย็นสไตล์คาเฟ่ (1 แก้ว)
- ผงมัทฉะ 2.5 ช้อนชา (5 กรัม)
- น้ำอุ่น 40 มล. (อุณหภูมิ 80°C)
- นมสดเย็น 200 มล.
- น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำแข็งก้อนใหญ่ 6-8 ก้อน
วิธีทำทีละขั้นตอน
- เตรียมไซรัปมัทฉะ – ร่อนผงมัทฉะผ่านตะแกรงละเอียด ใส่ลงในชามพร้อมน้ำตาล
- ละลายมัทฉะ – เติมน้ำอุ่น 40 มล. ลงไป ตีด้วยตะกร้อไผ่แนวซิกแซกจนเป็นเพสต์เนียน
- ปรับความหวาน – ชิมรสและปรับน้ำตาลให้เข้มข้นกว่าปกติ เพราะจะถูกทำให้จางด้วยน้ำแข็ง
- เตรียมแก้วเสิร์ฟ – ใส่น้ำแข็งก้อนใหญ่ลงในแก้วสูง ขนาด 350-400 มล.
- เทนมเย็น – เทนมสดเย็นลงไปช้าๆ ประมาณ 3/4 ของแก้ว
- เทไซรัปมัทฉะ – เทซิรัปมัทฉะลงไปช้าๆ เพื่อให้เกิดชั้นสีสวยงาม
- คนและเสิร์ฟ – เสิร์ฟพร้อมหลอดและช้อนคนยาว ให้ลูกค้าคนเองก่อนดื่ม
- ตกแต่ง (ถ้าต้องการ) – โรยผงมัทฉะเล็กน้อยด้านบนหรือเพิ่มวิปครีม
การตีฟองนมเป็นศิลปะที่ต้องใช้ทั้งเทคนิคและประสบการณ์ ฟองนมที่ดีจะมีเนื้อสัมผัสนุ่มนวล ไม่หยาบ และรักษารูปทรงได้นาน นมที่เหมาะสำหรับตีฟองควรมีปริมาณไขมันอย่างน้อย 2%
เทคนิคการตีฟองด้วยเครื่องตีฟองไฟฟ้าคือให้จุ่มหัวตีลงไปในนมประมาณ 1-2 เซนติเมตร เปิดเครื่องและเลื่อนขึ้นลงเล็กน้อยเพื่อให้อากาศเข้าไปในนม เมื่อปริมาตรนมเพิ่มขึ้น 50% ให้จุ่มลึกขึ้นและหมุนเป็นวงกลม
การจัดเสิร์ฟมัทฉะลาเต้ให้สวยงามจะช่วยเพิ่มความประทับใจ การเลือกแก้วที่เหมาะสมจะเสริมรสชาติและรูปลักษณ์ สำหรับเสิร์ฟแบบร้อนควรใช้แก้วผนังหนาเพื่อเก็บความร้อน สำหรับแบบเย็นใช้แก้วใสเพื่อเห็นชั้นสีสวยงาม
เทคนิคการตีฟองนมแบบมืออาชีพ
- ใช้นมไขมัน 2-3.5% – เพื่อความมั่นคงของฟอง
- อุณหภูมินม 60-65°C – สำหรับฟองร้อน
- เวลาตีฟอง 30-60 วินาที – ไม่ควรตีนานเกินไป
- พักฟองนม 30 วินาที – ก่อนเทลงแก้ว เพื่อให้ฟองเนียนขึ้น
ไอเดียการตกแต่งและเสิร์ฟมัทฉะลาเต้
- ลาเต้อาร์ต – รูปใบไม้หรือหัวใจบนฟองนม
- โรยผงมัทฉะ – สร้างลวดลายด้วยสเตนซิล (Stencil)
- เพิ่มวิปครีม – โรยผงมัทฉะด้านบน
- เสิร์ฟพร้อมขนม – โมจิหรือคุกกี้รสมัทฉะ
การชงมัทฉะลาเต้ที่บ้านมักพบข้อผิดพลาดหลายประการ การรู้จักข้อผิดพลาดและวิธีแก้ไขจะช่วยให้ชงมัทฉะลาเต้อร่อยได้ตั้งแต่ครั้งแรก
- ข้อผิดพลาดที่พบมากที่สุดคือการใช้น้ำที่ร้อนเกินไป หากใช้น้ำเดือดหรือน้ำร้อนมากเกิน 85°C จะทำให้สารประกอบในมัทฉะสลายตัว เกิดรสขมและเสียสีเขียวสวย น้ำที่อุณหภูมิเหมาะสมคือ 70-80°C
- การไม่ร่อนผงมัทฉะก่อนใช้เป็นอีกข้อผิดพลาดที่พบบ่อย ผงมัทฉะมีแนวโน้มจับตัวเป็นก้อนเล็กๆ การไม่ร่อนจะทำให้เกิดก้อนผงในเครื่องดื่ม
การศึกษาพบว่าการดื่มมัทฉะเป็นประจำมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ รวมถึงการช่วยเผาผลาญไขมัน เพิ่มการทำงานของสมอง และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มัทฉะลาเต้ มีประโยชน์ที่โดดเด่นคือช่วยให้มีพลังงานแบบยั่งยืน ไม่เหมือนกาแฟที่อาจทำให้เกิดอาการใจสั่น
อ่านต่อ : 10 ประโยชน์ของมัทฉะ ความลับสุขภาพจากชาเขียวญี่ปุ่น
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง
- ใช้น้ำร้อนเกิน 85°C – ทำให้รสขมและเสียสีเขียว
- ไม่ร่อนผงมัทฉะ – เกิดก้อนในเครื่องดื่ม
- ใช้มัทฉะผิดสัดส่วน – รสจืดหรือขมเกินไป
- เก็บมัทฉะไม่ถูกวิธี – คุณภาพเสื่อมเร็ว
- ใช้น้ำคุณภาพไม่ดี – รสชาติแปลกและไม่สมดุล
เคล็ดลับระดับโปรสำหรับมัทฉะลาเต้
- ผสมรสชาติ – เพิ่มวานิลลา น้ำผึ้ง สตรอว์เบอร์รี่ หรือไซรัปธรรมชาติ
- Double Shot Technique – ใช้มัทฉะ 6-7 กรัม น้ำ 40 มล.
- ทดลองนมต่างชนิด – นมโค อัลมอนด์ โอ๊ต มะพร้าว เพื่อรสชาติใหม่ เช่น นมเมจิ เรย์ (Meiji RAY) เป็นนมโคแท้ 100% ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมรสชาติของเครื่องดื่มสเปเชียลตี้ เช่น กาแฟ มัทฉะ และช็อกโกแลต. สำหรับเมนูมัทฉะ นมเมจิ เรย์ จะช่วยเพิ่มความเข้มข้น หอม มัน และชูรสชาติของมัทฉะได้อย่างลงตัว สามารถหาซื้อ ได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
- เตรียมล่วงหน้า – ทำเพสต์มัทฉะเก็บตู้เย็น 3-5 วัน
- ใช้น้ำคุณภาพสูง – จากเครื่องกรองน้ำ RO ที่มีการเติมน้ำแร่กลับ หรือตู้กดน้ำเย็น กรองในตัว
สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกฝนและการทดลอง เพราะการชงมัทฉะลาเต้ที่อร่อยต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้สึกในการปรับสมดุลของรสชาติ เมื่อคุณเชี่ยวชาญแล้ว การชงมัทฉะลาเต้จะกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายและความสุขที่คุณสามารถมอบให้กับตัวเองและคนที่คุณรักได้ทุกวัน
การมีระบบกรองน้ำคุณภาพดีหรือตู้กดน้ำเย็นที่บ้านจะช่วยให้คุณสามารถชงมัทฉะลาเต้ที่มีรสชาติดีเทียบเท่าหรือดีกว่าร้านดังได้ง่ายๆ พร้อมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
การชงมัทฉะลาเต้ที่บ้านให้อร่อยเหมือนร้านกาแฟไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเข้าใจหลักการและเทคนิคที่ถูกต้อง เริ่มตั้งแต่การเลือกมัทฉะคุณภาพดี การใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม และที่สำคัญที่สุดคือการใช้น้ำคุณภาพสูงที่ผ่านการกรอง
มัทฉะลาเต้ เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่ากาแฟ ไม่มีกาแฟเลยแต่ให้พลังงานแบบยั่งยืนจากคาเฟอีนในชาเขียว มีแคลอรี่ประมาณ 120-200 แคลอรี่ต่อแก้ว และสามารถปรับแต่งได้ตามความชอบ
การลงทุนในเครื่องกรองน้ำหรือตู้กดน้ำเย็นที่มีระบบกรองในตัวจะช่วยยกระดับรสชาติของมัทฉะลาเต้ให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากน้ำคุณภาพดีจะช่วยให้รสชาติของมัทฉะออกมาได้เต็มที่ ไม่มีรสแปลกปลอมจากสารเคมีหรือความกระด้างในน้ำ
ด้วยเทคนิคและเคล็ดลับต่างๆ ที่แนะนำในบทความนี้ คุณจะสามารถสร้างสรรค์มัทฉะลาเต้รสชาติยอดเยี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายด้วยเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนี้ได้ทุกวัน