ชงมัทฉะลาเต้ที่บ้าน สูตรเด็ด คาเฟ่สไตล์ | แคลอรี่ ราคา

มัทฉะลาเต้ คือ

1. มัทฉะลาเต้ คืออะไร ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับมัทฉะ

มัทฉะลาเต้ คือ เครื่องดื่มที่ผสมผสานระหว่างผงมัทฉะคุณภาพสูงกับนมร้อนหรือนมเย็น สร้างสรรค์รสชาติที่กลมกล่อมและมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ เครื่องดื่มนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในร้านกาแฟสตาร์บัค (Starbuck) อเมซอน (Amazon) พันธุ์ไทย (Punthai) และคาเฟ่ต่างๆทั่วโลก

มัทฉะ (Matcha) คือ ผงชาเขียวแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีกระบวนการผลิตพิเศษ ใบชาจะปลูกในที่ร่มเงา 3-4 สัปดาห์ก่อนเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้สีเขียวเข้มและรสชาติหวานกว่าใบชาทั่วไป หลังเก็บเกี่ยวจะนำไปนึ่ง อบแห้ง และบดด้วยหินโบราณจนได้ผงละเอียด

ชื่อมัทฉะลาเต้ภาษาอังกฤษ เรียกว่า “Matcha Latte” หรือ “Matcha Green Tea Latte” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงในระดับสากล

ด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์นี้ ทำให้มัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารฟีนอลิกมากกว่าใบชาเขียวทั่วไปอย่างมาก

การศึกษาวิจัยในวารสาร Applied Sciences ระบุว่ามัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวเกรดต่ำถึง 137 เท่า และมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวที่ดีที่สุดถึง 3 เท่า เนื่องจากมัทชะทำมาจากใบชาทั้งใบ บดเป็นผงแล้วดื่มโดยตรง ในขณะที่ชาเขียวปกติจะต้องชงก่อนแล้วจึงทิ้งใบชาไป นอกจากนี้ยังมีไลธีอะนีน (L-Theanine) ซึ่งช่วยให้เกิดความสงบและเพิ่มสมาธิ

🔎 ข้อสงสัยที่พบบ่อย : มัทฉะลาเต้ มีกาแฟไหม? คำตอบคือไม่มี มัทฉะลาเต้ไม่มีกาแฟเลย แต่ทำมาจากผงมัทฉะ (ชาเขียวแบบผง) ผสมกับนม ดังนั้นจึงมีคาเฟอีนจากชาเขียวเท่านั้น ซึ่งมีปริมาณต่ำกว่ากาแฟและให้ผลกระตุ้นที่นุ่มนวลกว่า

2. การเลือกมัทฉะคุณภาพสำหรับชงลาเต้
และเปรียบเทียบราคา

การเลือกมัทฉะคุณภาพดีเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะส่งผลต่อรสชาติของมัทฉะลาเต้ มัทฉะแบ่งออกเป็น 3 เกรดหลัก ได้แก่

  • Ceremonial Grade (เกรดพิธีการ) – ที่มีคุณภาพสูงสุดสำหรับดื่มด้วยตัวเอง
  • Premium Grade (เกรดพรีเมียม) – ที่มีคุณภาพดีและเหมาะสำหรับทำเครื่องดื่ม และ
  • Culinary Grade (เกรดทำอาหาร) – ที่ออกแบบมาเพื่อการปรุงอาหารและเครื่องดื่มผสม

สำหรับการทำมัทฉะลาเต้ที่บ้าน เราแนะนำ Premium Grade เป็นอันดับแรก เนื่องจากมีรสชาติที่เข้มข้นพอดีและเมื่อผสมกับนมจะให้รสชาติที่กลมกล่อม ไม่หวานหรือขมจนเกินไป อีกทั้งยังมีราคาที่เหมาะสมกว่า Ceremonial Grade ที่มีราคาแพงมาก หากงบประมาณจำกัด Culinary Grade คุณภาพดีก็สามารถใช้ทำมัทฉะลาเต้ได้ดี

มัทฉะมี 3 ประเภท

ตารางเปรียบเทียบราคามัทฉะลาเต้จากร้านดัง

ปัจจุบันหากซื้อมัทฉะลาเต้ในร้านกาแฟแบรนด์ดังที่มีชื่อเสียง ได้แก่ คาเฟ่ อเมซอน (Cafe Amazon), สตาร์บัค (Starbuck), พันธุ์ไทย (Punthai) มีราคาดังนี้

แบรนด์/ร้าน

เมนู

ขนาด

ราคา (บาท)

อเมซอน (Amazon)

เฟรชมัทฉะลาเต้

มาตรฐาน

60

 

ไลท์มัทฉะฮันนี

มาตรฐาน

60

 

สตรอว์เบอร์รีมัทฉะลาเต้

มาตรฐาน

70

 

มัทฉะถั่วแดง

มาตรฐาน (ปั่น)

70

สตาร์บัค (Starbucks)

เพียว มัทฉะ ลาเต้ (ร้อน)

Short (ช็อต)

145

   

Tall (แก้วเล็ก)

160

   

Grande (แก้วกลาง)

175

   

Venti (แก้วใหญ่)

190

 

ไอซ์ เพียว มัทฉะ ลาเต้ (เย็น)

Tall

160

   

Grande

175

   

Venti

190

 

เพียว มัทฉะ แฟรบปูชิโน่ (ปั่น)

Tall

180

   

Grande

195

   

Venti

210

พันธุ์ไทย (Punthai)

มัทฉะลาเต้

มาตรฐาน

65

 

มัทฉะเจลลีลาเต้

มาตรฐาน

75

 

มัทฉะฮันนี่ไลม์

มาตรฐาน

65

 

มัทฉะแฟรปเป้

มาตรฐาน

75

จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่า มัทฉะลาเต้ อเมซอน มีราคาประหยัดที่สุดเริ่มต้นที่ 60-70 บาท พันธุ์ไทย (Punthai Coffee) มีราคาปานกลางที่ 65-75 บาท ส่วนสตาร์บัค มีราคาสูงสุดเริ่มต้นที่ 145 บาท แต่ให้ตัวเลือกขนาดที่หลากหลาย การชงมัทฉะลาเต้ที่บ้านจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อเทียบกับการซื้อจากร้าน

มัทฉะลาเต้ พันธุ์ไทย ราคา
มัทฉะลาเต้ สตาร์บัค ราคา
มัทฉะลาเต้ อเมซอน ราคา

หมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามระยะเวลา โปรโมชั่น หรือสาขา

มัทฉะคุณภาพดีจะมีสีเขียวสดใส ไม่ซีดจาง มีกลิ่นหอมของใบชาสดๆ และเมื่อชิมจะมีรสหวานอ่อนๆ ตามมาหลังจากรสขมเล็กน้อย Ceremonial Grade จะมีรสหวานธรรมชาติมากที่สุด Premium Grade จะมีความสมดุลระหว่างรสหวานและขม ส่วน Culinary Grade จะมีรสขมเด่นกว่าแต่เหมาะสำหรับผสมกับนมและน้ำตาล

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกรดและประเภทของมัทฉะจาก Matcha.com ผู้เชี่ยวชาญด้านมัทฉะระดับโลก

🥤เกรดมัทฉะที่แนะนำสำหรับชงลาเต้ :

  • Premium Grade – เหมาะสำหรับเครื่องดื่มผสมนม รสชาติสมดุล
  • Culinary Grade – ราคาประหยัด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • Ceremonial Grade – สำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพสูงสุด (แพงกว่า)

3. อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับชงมัทฉะลาเต้

การเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณชงมัทฉะลาเต้คุณภาพเทียบเท่าร้านกาแฟได้ อุปกรณ์หลักไม่ซับซ้อนและหาซื้อง่าย

ตะกร้อไผ่ (Chasen) เป็นอุปกรณ์แบบดั้งเดิมที่ใช้ตีมัทฉะ ทำจากไผ่ที่ผ่านการแปรรูปเป็นเส้นเล็กๆ จำนวนมาก ช่วยให้การตีมัทฉะมีประสิทธิภาพมาก หากหาไม่ได้สามารถใช้เครื่องปั่นเล็กๆ หรือเครื่องปั่นมือถือได้

เครื่องตีฟองนมเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยให้มัทฉะลาเต้มีเนื้อสัมผัสนุ่มนวลเหมือนร้านกาแฟ มีให้เลือกหลายประเภท ตั้งแต่แบบไฟฟ้าขนาดเล็กจนถึงแบบเครื่องทำกาแฟที่มีฟังก์ชันตีฟองในตัว

รายการอุปกรณ์ที่จำเป็น

  • ตะกร้อไผ่ (Chasen) หรือเครื่องปั่นมือถือขนาดเล็ก
  • ชามสำหรับตีมัทฉะ – ชามกว้างตีได้ง่ายกว่า
  • ตะแกรงร่อนผง – เพื่อให้มัทฉะละเอียดสม่ำเสมอ
  • เครื่องตีฟองนม – หรือ French Press
  • เครื่องชั่งดิจิตอล – สำหรับตวงมัทฉะให้แม่นยำ
  • แก้วเสิร์ฟ – ขนาด 250-300 มล.
อุปกรณ์ทำมัทฉะลาเต้

4. ความสำคัญของคุณภาพน้ำในการชงมัทฉะ

น้ำที่ใช้ในการชงมัทฉะมีความสำคัญไม่แพ้ตัวมัทฉะเอง เนื่องจากน้ำจะเป็นตัวสกัดรสชาติและสารประโยชน์ออกมาจากผงมัทฉะ หากน้ำมีคุณภาพไม่ดี มีรสเค็ม กลิ่นคลอรีน หรือแร่ธาตุมากเกินไป จะทำให้รสชาติของมัทฉะเปลี่ยนไป

น้ำประปาในหลายพื้นที่ของประเทศไทยมักมีปัญหาเรื่องความกระด้างสูง มีรสเค็ม หรือมีกลิ่นคลอรีน การใช้เครื่องกรองน้ำคุณภาพดีจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับคนรักการชงเครื่องดื่ม

เครื่องกรองน้ำสมัยใหม่สามารถกำจัดคลอรีน สารเคมี และลดความกระด้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้น้ำสะอาด ไม่มีกลิ่น และมีรสชาติหวานอ่อนๆ ตามธรรมชาติ

สำหรับคนที่ต้องการความสะดวกในการได้น้ำคุณภาพดีตลอดเวลา ตู้กดน้ำเย็นที่มีระบบกรองในตัวจะเป็นตัวเลือกที่ดีมาก เนื่องจากจะได้น้ำที่ผ่านการกรองและมีอุณหภูมิเหมาะสำหรับการชงทันที

ระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับชงมัทฉะ คือ ระบบ RO (Reverse Osmosis) เพราะเป็นน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์สูงสุด แต่ปัญหาคือหากน้ำบริสุทธิ์มากเกินไปจะทำให้รสชาติจืด เสริมด้วยไส้กรองแร่ธาตุ (Mineral Cartridge) เพื่อเติมแร่ธาตุกลับ เนื่องจาก

  • น้ำบริสุทธิ์ (TDS ต่ำมาก) จะทำให้รสชาติจืดชืด สกัดสารในมัทฉะได้ไม่เต็มที่ ขาดความกลมกล่อม
  • แร่ธาตุปริมาณพอดี จะช่วยเสริมรสชาติให้กลมกล่อม สกัดสารจากมัทฉะได้ดีขึ้น สร้างสมดุลระหว่างรสหวานและขมอย่างลงตัว

เครื่องกรองน้ำ

เครื่องกรองน้ำ RO รุ่น 400GPD

฿ 8,500.00
฿ 8,500.00

คุณสมบัติของน้ำที่เหมาะสำหรับชงมัทฉะ

  • ไม่มีกลิ่นคลอรีน – หรือกลิ่นแปลกๆ
  • ค่า pH 6.5-7.5 – เป็นกลางเล็กน้อย
  • อุณหภูมิ 70-80°C – สำหรับชงมัทฉะร้อน
  • อุณหภูมิ 4-8°C – สำหรับมัทฉะลาเต้เย็น

⚠️ค่า TDS (Total Dissolved Solids) ที่เหมาะสมในการชงมัทฉะ

  • ช่วงที่ดีที่สุดที่บาริสต้าและผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นเลือกใช้ คือ ประมาณ 10-30 ppm
  • หากต่ำกว่า 10 ppm (น้ำแทบไม่มีแร่ธาตุเลย เช่น น้ำ RO บริสุทธิ์ 100%) รสสัมผัสอาจ “บาง” หรือ “แบน” ไม่ละมุน
  • หากสูงกว่า 50 ppm จะเริ่มมีรสขม กลิ่น หรือรสสัมผัสที่ไม่ต้องการจากแร่ธาตุในน้ำ

อ่านต่อ : ค่า TDS คืออะไร? วัดเพื่ออะไร? ฉบับเข้าใจง่าย

5. สูตรมัทฉะลาเต้แบบดั้งเดิมและแคลอรี่

สูตรมัทฉะลาเต้แบบดั้งเดิมเป็นพื้นฐานที่ทุกคนสามารถเรียนรู้และปรับปรุงได้ การชงแบบดั้งเดิมจะให้รสชาติสมดุลระหว่างความหวานของนม ความขมอ่อนๆ และความหอมของมัทฉะ

มัทฉะลาเต้ กี่แคลอรี่? เป็นคำถามที่หลายคนสนใจ โดยทั่วไปแล้วมัทฉะลาเต้ 1 แก้ว (250 มล.) จะมีแคลอรี่ประมาณ 120-200 แคลอรี่ ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาลและชนิดของนมที่ใช้ หากใช้นมขาดมันเนยหรือนมอัลมอนด์จะมีแคลอรี่ต่ำกว่า

เราจะเริ่มต้นด้วยการร่อนผงมัทฉะผ่านตะแกรงละเอียดเพื่อกำจัดก้อนผง จากนั้นใส่ผงมัทฉะลงในชามและเติมน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 75°C ลงไปเล็กน้อย เริ่มตีด้วยตะกร้อไผ่แนวซิกแซกจนได้เป็นเพสต์มัทฉะที่เนียน

สูตรมัทฉะลาเต้ร้อนแบบดั้งเดิม (1 แก้ว)

  • ผงมัทฉะ 2 ช้อนชา (4 กรัม)
  • น้ำร้อน 60 มล. (อุณหภูมิ 75°C)
  • นมสด 180 มล.
  • น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนชา (ปรับตามความชอบ)
ส่วนผสมมัทฉะลาเต้ร้อน

วิธีทำทีละขั้นตอน

  1. ร่อนผงมัทฉะผ่านตะแกรงละเอียดลงในชาม
  2. เติมน้ำร้อน 20 มล. ตีให้เป็นเพสต์
  3. เติมน้ำร้อนที่เหลือทีละน้อย ตีจนเข้ากัน
  4. อุ่นนมและตีฟอง จนได้ฟองนุ่มๆ
  5. เทมัทฉะลงแก้ว เติมนมตีฟองลงไปช้าๆ

6. สูตรมัทฉะลาเต้เย็นสไตล์คาเฟ่

มัทฉะลาเต้เย็นเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในช่วงอากาศร้อน โดยเฉพาะในร้านกาแฟสมัยใหม่ สูตรนี้จะแตกต่างจากแบบร้อนตรงที่ต้องปรับเทคนิคการชงและสัดส่วนให้เหมาะสมกับการดื่มแบบเย็น

การทำมัทฉะลาเต้เย็นสไตล์คาเฟ่จะเน้นความเข้มข้นของรสชาติมากกว่า เนื่องจากน้ำแข็งจะทำให้รสชาติจางลงเมื่อละลาย จึงต้องใช้มัทฉะในปริมาณมากกว่าเล็กน้อย

เทคนิคสำคัญ คือ การทำไซรัปมัทฉะเข้มข้น โดยใช้น้ำอุ่นเพียงเล็กน้อยในการละลายมัทฉะและน้ำตาล จากนั้นจึงค่อยๆ เติมน้ำเย็นและนมเย็นลงไป น้ำแข็งที่ใช้ควรเป็นน้ำแข็งที่ทำจากน้ำสะอาด ไม่มีกลิ่น ซึ่งจะไม่ทำลายรสชาติของมัทฉะลาเต้

สูตรมัทฉะลาเต้เย็นสไตล์คาเฟ่ (1 แก้ว)

  • ผงมัทฉะ 2.5 ช้อนชา (5 กรัม)
  • น้ำอุ่น 40 มล. (อุณหภูมิ 80°C)
  • นมสดเย็น 200 มล.
  • น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำแข็งก้อนใหญ่ 6-8 ก้อน
ส่วนผสมมัทฉะลาเต้เย็น

วิธีทำทีละขั้นตอน

  1. เตรียมไซรัปมัทฉะ – ร่อนผงมัทฉะผ่านตะแกรงละเอียด ใส่ลงในชามพร้อมน้ำตาล
  2. ละลายมัทฉะ – เติมน้ำอุ่น 40 มล. ลงไป ตีด้วยตะกร้อไผ่แนวซิกแซกจนเป็นเพสต์เนียน
  3. ปรับความหวาน – ชิมรสและปรับน้ำตาลให้เข้มข้นกว่าปกติ เพราะจะถูกทำให้จางด้วยน้ำแข็ง
  4. เตรียมแก้วเสิร์ฟ – ใส่น้ำแข็งก้อนใหญ่ลงในแก้วสูง ขนาด 350-400 มล.
  5. เทนมเย็น – เทนมสดเย็นลงไปช้าๆ ประมาณ 3/4 ของแก้ว
  6. เทไซรัปมัทฉะ – เทซิรัปมัทฉะลงไปช้าๆ เพื่อให้เกิดชั้นสีสวยงาม
  7. คนและเสิร์ฟ – เสิร์ฟพร้อมหลอดและช้อนคนยาว ให้ลูกค้าคนเองก่อนดื่ม
  8. ตกแต่ง (ถ้าต้องการ) – โรยผงมัทฉะเล็กน้อยด้านบนหรือเพิ่มวิปครีม

7. เทคนิคการตีฟองนมและการจัดเสิร์ฟ

การตีฟองนมเป็นศิลปะที่ต้องใช้ทั้งเทคนิคและประสบการณ์ ฟองนมที่ดีจะมีเนื้อสัมผัสนุ่มนวล ไม่หยาบ และรักษารูปทรงได้นาน นมที่เหมาะสำหรับตีฟองควรมีปริมาณไขมันอย่างน้อย 2%

เทคนิคการตีฟองด้วยเครื่องตีฟองไฟฟ้าคือให้จุ่มหัวตีลงไปในนมประมาณ 1-2 เซนติเมตร เปิดเครื่องและเลื่อนขึ้นลงเล็กน้อยเพื่อให้อากาศเข้าไปในนม เมื่อปริมาตรนมเพิ่มขึ้น 50% ให้จุ่มลึกขึ้นและหมุนเป็นวงกลม

การจัดเสิร์ฟมัทฉะลาเต้ให้สวยงามจะช่วยเพิ่มความประทับใจ การเลือกแก้วที่เหมาะสมจะเสริมรสชาติและรูปลักษณ์ สำหรับเสิร์ฟแบบร้อนควรใช้แก้วผนังหนาเพื่อเก็บความร้อน สำหรับแบบเย็นใช้แก้วใสเพื่อเห็นชั้นสีสวยงาม

เทคนิคการตีฟองนมแบบมืออาชีพ

  1. ใช้นมไขมัน 2-3.5% – เพื่อความมั่นคงของฟอง
  2. อุณหภูมินม 60-65°C – สำหรับฟองร้อน
  3. เวลาตีฟอง 30-60 วินาที – ไม่ควรตีนานเกินไป
  4. พักฟองนม 30 วินาที – ก่อนเทลงแก้ว เพื่อให้ฟองเนียนขึ้น

ไอเดียการตกแต่งและเสิร์ฟมัทฉะลาเต้

  • ลาเต้อาร์ต รูปใบไม้หรือหัวใจบนฟองนม
  • โรยผงมัทฉะ สร้างลวดลายด้วยสเตนซิล (Stencil)
  • เพิ่มวิปครีม โรยผงมัทฉะด้านบน
  • เสิร์ฟพร้อมขนม โมจิหรือคุกกี้รสมัทฉะ
ไอเดียตกแต่งมัทฉะลาเต้

8. ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงและเคล็ดลับเพิ่มเติม

การชงมัทฉะลาเต้ที่บ้านมักพบข้อผิดพลาดหลายประการ การรู้จักข้อผิดพลาดและวิธีแก้ไขจะช่วยให้ชงมัทฉะลาเต้อร่อยได้ตั้งแต่ครั้งแรก

  1. ข้อผิดพลาดที่พบมากที่สุดคือการใช้น้ำที่ร้อนเกินไป หากใช้น้ำเดือดหรือน้ำร้อนมากเกิน 85°C จะทำให้สารประกอบในมัทฉะสลายตัว เกิดรสขมและเสียสีเขียวสวย น้ำที่อุณหภูมิเหมาะสมคือ 70-80°C
  2. การไม่ร่อนผงมัทฉะก่อนใช้เป็นอีกข้อผิดพลาดที่พบบ่อย ผงมัทฉะมีแนวโน้มจับตัวเป็นก้อนเล็กๆ การไม่ร่อนจะทำให้เกิดก้อนผงในเครื่องดื่ม

การศึกษาพบว่าการดื่มมัทฉะเป็นประจำมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ รวมถึงการช่วยเผาผลาญไขมัน เพิ่มการทำงานของสมอง และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มัทฉะลาเต้ มีประโยชน์ที่โดดเด่นคือช่วยให้มีพลังงานแบบยั่งยืน ไม่เหมือนกาแฟที่อาจทำให้เกิดอาการใจสั่น

อ่านต่อ : 10 ประโยชน์ของมัทฉะ ความลับสุขภาพจากชาเขียวญี่ปุ่น

💡 มัทฉะลาเต้ อ้วนไหม? เป็นคำถามที่หลายคนกังวล คำตอบขึ้นอยู่กับส่วนผสมและความถี่ในการดื่ม หากทำแบบไม่เติมน้ำตาลมากและใช้นมไขมันต่ำ มัทฉะลาเต้จะไม่ทำให้อ้วน แต่อาจช่วยเผาผลาญไขมันได้

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

  • ใช้น้ำร้อนเกิน 85°C – ทำให้รสขมและเสียสีเขียว
  • ไม่ร่อนผงมัทฉะ – เกิดก้อนในเครื่องดื่ม
  • ใช้มัทฉะผิดสัดส่วน – รสจืดหรือขมเกินไป
  • เก็บมัทฉะไม่ถูกวิธี – คุณภาพเสื่อมเร็ว
  • ใช้น้ำคุณภาพไม่ดี – รสชาติแปลกและไม่สมดุล

เคล็ดลับระดับโปรสำหรับมัทฉะลาเต้

  1. ผสมรสชาติ – เพิ่มวานิลลา น้ำผึ้ง สตรอว์เบอร์รี่ หรือไซรัปธรรมชาติ
  2. Double Shot Technique – ใช้มัทฉะ 6-7 กรัม น้ำ 40 มล.
  3. ทดลองนมต่างชนิด – นมโค อัลมอนด์ โอ๊ต มะพร้าว เพื่อรสชาติใหม่ เช่น นมเมจิ เรย์ (Meiji RAY) เป็นนมโคแท้ 100% ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมรสชาติของเครื่องดื่มสเปเชียลตี้ เช่น กาแฟ มัทฉะ และช็อกโกแลต. สำหรับเมนูมัทฉะ นมเมจิ เรย์ จะช่วยเพิ่มความเข้มข้น หอม มัน และชูรสชาติของมัทฉะได้อย่างลงตัว สามารถหาซื้อ ได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
  4. เตรียมล่วงหน้า – ทำเพสต์มัทฉะเก็บตู้เย็น 3-5 วัน
  5. ใช้น้ำคุณภาพสูง – จากเครื่องกรองน้ำ RO ที่มีการเติมน้ำแร่กลับ หรือตู้กดน้ำเย็น กรองในตัว

🍵 ร้านไหนอร่อย? : หากต้องการเปรียบเทียบรสชาติ มัทฉะลาเต้ สตาร์บัค เป็นมาตรฐานที่หลายคนรู้จักและอร่อยเข้มข้นมาก เซเว่นก็เป็นอีกตัวเลือกที่สะดวกและราคาประหยัด สำหรับแบรนด์ไทยมี อเมซอน เต่าบิน และชาตรามือ ที่ได้รับความนิยม

สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกฝนและการทดลอง เพราะการชงมัทฉะลาเต้ที่อร่อยต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้สึกในการปรับสมดุลของรสชาติ เมื่อคุณเชี่ยวชาญแล้ว การชงมัทฉะลาเต้จะกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายและความสุขที่คุณสามารถมอบให้กับตัวเองและคนที่คุณรักได้ทุกวัน

การมีระบบกรองน้ำคุณภาพดีหรือตู้กดน้ำเย็นที่บ้านจะช่วยให้คุณสามารถชงมัทฉะลาเต้ที่มีรสชาติดีเทียบเท่าหรือดีกว่าร้านดังได้ง่ายๆ พร้อมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

สรุป

การชงมัทฉะลาเต้ที่บ้านให้อร่อยเหมือนร้านกาแฟไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเข้าใจหลักการและเทคนิคที่ถูกต้อง เริ่มตั้งแต่การเลือกมัทฉะคุณภาพดี การใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม และที่สำคัญที่สุดคือการใช้น้ำคุณภาพสูงที่ผ่านการกรอง

มัทฉะลาเต้ เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่ากาแฟ ไม่มีกาแฟเลยแต่ให้พลังงานแบบยั่งยืนจากคาเฟอีนในชาเขียว มีแคลอรี่ประมาณ 120-200 แคลอรี่ต่อแก้ว และสามารถปรับแต่งได้ตามความชอบ

การลงทุนในเครื่องกรองน้ำหรือตู้กดน้ำเย็นที่มีระบบกรองในตัวจะช่วยยกระดับรสชาติของมัทฉะลาเต้ให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากน้ำคุณภาพดีจะช่วยให้รสชาติของมัทฉะออกมาได้เต็มที่ ไม่มีรสแปลกปลอมจากสารเคมีหรือความกระด้างในน้ำ

ด้วยเทคนิคและเคล็ดลับต่างๆ ที่แนะนำในบทความนี้ คุณจะสามารถสร้างสรรค์มัทฉะลาเต้รสชาติยอดเยี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายด้วยเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนี้ได้ทุกวัน

อ่านต่อ : วิธีชงชาเขียว มัทฉะแบบดั้งเดิม ให้อร่อย หอม ไม่ขม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *