สาเหตุที่ทำให้ตู้กดน้ำไม่เย็น ได้แก่ คอมเพรสเซอร์เสื่อมสภาพ ชุดรีเลย์เสีย ตู้น้ำอยู่ในสถานที่อุณหภูมิสูง การระบายอากาศไม่เพียงพอ สารทำความเย็นรั่ว ใช้งานเครื่องทำน้ำเย็นหนักเกินไป แผงระบายความร้อนสกปรกหรือผุกร่อน เทอร์โมสตัททำงานผิดพลาด และปัญหาเรื่องไฟฟ้า
ผมมีวิธีตรวจสอบและแก้ไขแบบ step-by-step ที่คุณสามารถทำได้เองในเบื้องต้น ด้านล่างบทความมีการอธิบายสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดจากประสบการณ์ตรงในวงการซ่อมตู้กดน้ำเย็นมาหลายปี พร้อมวิธีดูแลรักษาตู้น้ำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน และคำถามที่พบบ่อยให้ศึกษากันครับ
1. คอมเพรสเซอร์เสื่อมสภาพ
คอมเพรสเซอร์คือหัวใจสำคัญที่ทำหน้าที่ “ทำความเย็น” ไม่ว่าจะเป็นแอร์เย็นฉ่ำหรือน้ำเย็นชื่นใจ โดยทำงานร่วมกับสารทำความเย็นผ่านท่อทองแดงเพื่อสร้างความเย็น
จากสถิติการซ่อมของผม พบว่าเมื่อตู้กดน้ำไม่เย็น คอมเพรสเซอร์มักเสียหายด้วยสาเหตุต่อไปนี้
- คอมเพรสเซอร์ร้อนจัด – เกิดจากชุดระบายความร้อนเสียหาย เช่น มอเตอร์พัดลมเสียหรืออ่อนกำลัง
- เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน – หลังจากใช้งานมานาน
- คอมเพรสเซอร์อ่อนกำลัง – ยังทำงาน แต่ประสิทธิภาพลดลงจนทำความเย็นไม่พอ
- การดัดแปลงคอมเพรสเซอร์ – ทำให้เกิดไฟช็อตหรือลัดวงจร
- อุบัติเหตุ – เช่น โดนน้ำหกใส่ระบบไฟฟ้า
- เศษผงปูนติดในระบบระบายความร้อน – ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
💡 การแก้ไข : เรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบหาสาเหตุและซ่อมแซม บางกรณีอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่ใหม่เพื่อทดแทนของเดิมที่เสียหาย
3. ตู้กดน้ำเย็นอยู่ในสถานที่อุณหภูมิสูง
สถานที่ติดตั้งมีผลต่อประสิทธิภาพของตู้กดน้ำเย็นอย่างมาก เปรียบเทียบระหว่าง
- ตู้ที่วางในห้องแอร์ : ทำงานได้มีประสิทธิภาพดี
- ตู้ที่วางนอกอาคาร : อายุการใช้งานสั้นกว่า โดยเฉพาะในประเทศไทยที่อากาศร้อนจัด
การวางตู้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง ใกล้แหล่งความร้อน เช่น เตาหรือหม้อน้ำ ทำให้คอมเพรสเซอร์มีโอกาสร้อนจัดและช็อต อีกทั้งระบบทำความเย็นต้องทำงานหนักกว่าปกติ
💡 การแก้ไข : ย้ายตู้กดน้ำเย็นไปในจุดที่อากาศถ่ายเทดี ห่างจากแสงแดดและแหล่งความร้อน
4. การระบายอากาศไม่เพียงพอ
ปัญหานี้เชื่อมโยงกับเรื่องสถานที่ติดตั้ง หากตู้กดน้ำเย็นถูกวางในพื้นที่แคบ ขัดขวางการกระจายความร้อน จะเพิ่มโอกาสให้คอมเพรสเซอร์เสียหายเร็วขึ้น
นอกจากนี้ สิ่งแวดล้อมภายนอกอาคารอาจทำให้มีเศษผงปูนหรือฝุ่นเข้าไปอุดตันระบบระบายความร้อน
💡 การแก้ไข :
- หมั่นทำความสะอาดภายนอกตู้กดน้ำเย็นอย่างสม่ำเสมอ
- จัดพื้นที่รอบตู้ให้มีการระบายอากาศที่ดี
- ใช้อุปกรณ์ป้องกันฝุ่นและเศษวัสดุเข้าสู่ตู้
5. สารทำความเย็นรั่ว
สารทำความเย็นเป็นหัวใจสำคัญในการทำให้น้ำเย็น โดยจะถูกส่งผ่านท่อทองแดงไปยังจุดที่ต้องการความเย็น หากท่อทองแดงมีรอยรั่ว หรือเสื่อมสภาพ จะทำให้สารทำความเย็นรั่วซึม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลงหรือไม่เย็นเลย
นอกจากนี้ ระบบอาจเกิดการอุดตันของสารทำความเย็นได้ด้วย
💡 การแก้ไข :
- อุดรูรั่วหรือเปลี่ยนท่อทองแดงใหม่
- ล้างระบบทำความเย็นในกรณีที่เกิดการอุดตัน
- เติมสารทำความเย็นให้ได้ระดับที่เหมาะสม
6. ใช้งานเครื่องทำน้ำเย็นหนักเกินไป
ตู้กดน้ำเย็นแต่ละรุ่นมีขนาดแท็งค์น้ำและความสามารถในการทำความเย็นแตกต่างกัน หากเลือกรุ่นที่มีแท็งค์น้ำเย็นขนาดเล็ก (เช่น 3 ลิตร) แต่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก จะทำให้น้ำไม่เย็นเพราะระบบทำความเย็นทำงานไม่ทัน
💡 การแก้ไข :
- ติดตั้งเครื่องทำน้ำเย็นเพิ่มเติมสำหรับพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานมาก
- เลือกรุ่นที่มีขนาดแท็งค์น้ำเย็นเหมาะสมกับปริมาณการใช้งาน
7. แผงระบายความร้อนสกปรกหรือผุกร่อน
แผงระบายความร้อนหรือ “คอยล์คอนเดนเซอร์” มีหน้าที่ระบายความร้อนออกจากระบบ หากมีฝุ่นหรือเศษขยะสะสม จะเป็นอุปสรรคต่อการกระจายความร้อน
นอกจากนี้ แผงระบายความร้อนอาจเสื่อมสภาพหรือผุกร่อนตามอายุการใช้งาน
💡 การแก้ไข :
- หมั่นทำความสะอาดแผงระบายความร้อนเป็นประจำ
- เปลี่ยนแผงระบายความร้อนใหม่หากพบการผุกร่อนหรือเสื่อมสภาพมาก
9. ปัญหาเรื่องไฟฟ้า
ตู้กดน้ำเย็นต้องได้รับกระแสไฟฟ้าที่เหมาะสมและเสถียร ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
- ฟิวส์ขาด
- สายไฟเสียหาย
- เต้ารับเสีย
- สวิตช์ถูกปิด
- ไฟช็อตทั้งระบบ
💡 การแก้ไข : ตรวจสอบระบบไฟฟ้าทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับตู้กดน้ำเย็น หากพบการช็อตทั้งระบบหรือความเสียหายรุนแรง การซื้อเครื่องใหม่อาจคุ้มค่ากว่าการซ่อมแซม
🔍 ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบระบบไฟฟ้าเบื้องต้น
- ตรวจสอบการเสียบปลั๊ก – แน่ใจว่าเสียบปลั๊กแน่นและตรงกับเต้ารับ
- ตรวจสอบสวิตช์เปิด/ปิด – บางครั้งสวิตช์อาจถูกปิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
- ตรวจสอบฟิวส์ – ดูว่าฟิวส์ขาดหรือไม่ (หากตู้กดน้ำมีฟิวส์ภายนอก)
- ทดสอบเต้ารับ – ลองเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นเพื่อยืนยันว่าเต้ารับทำงานปกติ
🔍 ขั้นตอนที่ 2 : ฟังเสียงการทำงานของคอมเพรสเซอร์
- เสียบปลั๊กตู้กดน้ำ และรอ 2-3 นาที
- ฟังเสียงการทำงาน – คอมเพรสเซอร์ปกติจะมีเสียงหึ่งๆ เบาๆ
- มีเสียง = คอมเพรสเซอร์ยังทำงานอยู่ (ไปขั้นตอนที่ 3)
- ไม่มีเสียง = คอมเพรสเซอร์อาจเสียหรือรีเลย์มีปัญหา
🔍 ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบการระบายอากาศ
- ตรวจดูระยะห่าง – ตรวจสอบว่าตู้กดน้ำอยู่ห่างจากผนังอย่างน้อย 15 ซม.
- ทำความสะอาดรอบตู้ – นำสิ่งกีดขวางออกจากบริเวณรอบตู้
- ตรวจสอบฝุ่น – ดูแผงระบายความร้อนด้านหลังว่ามีฝุ่นสะสมหรือไม่
🔍 ขั้นตอนที่ 4 : ทำความสะอาดแผงระบายความร้อน
- ถอดปลั๊กตู้กดน้ำ – เพื่อความปลอดภัย
- ใช้แปรงนุ่ม – ปัดฝุ่นที่แผงระบายความร้อนด้านหลัง
- ใช้เครื่องดูดฝุ่น (หัวแปรงนุ่ม) – ดูดฝุ่นบริเวณช่องระบายอากาศ
- เช็ดทำความสะอาด – ด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาด (ระวังอย่าให้น้ำเข้าระบบไฟฟ้า)
🔍 ขั้นตอนที่ 5 : ตรวจสอบอุณหภูมิห้อง
- วัดอุณหภูมิห้อง – อุณหภูมิที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 32°C
- หากร้อนเกินไป – พิจารณาย้ายตู้กดน้ำไปยังบริเวณที่เย็นกว่า
- ตรวจสอบแสงแดด – หลีกเลี่ยงการวางตู้กดน้ำในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง
🔍 ขั้นตอนที่ 6 : ทดสอบปริมาณการใช้งาน
- สังเกตความถี่การใช้งาน – บันทึกจำนวนครั้งที่มีการกดน้ำในช่วงเวลาพีค
- ตรวจสอบขนาดแท็งก์น้ำ – เทียบกับปริมาณการใช้งาน
- ทดสอบประสิทธิภาพ – หลังจากกดน้ำหมดแท็งก์ จับเวลาว่าน้ำเย็นเต็มแท็งก์อีกครั้งใช้เวลาเท่าไร
🔍 ขั้นตอนที่ 7 : รีเซ็ตเทอร์โมสตัท (หากทำได้)
- ถอดปลั๊กตู้กดน้ำ และรอ 5-10 นาที
- หมุนปุ่มควบคุมอุณหภูมิ (หากมี) ไปที่ตำแหน่งต่ำสุด
- เสียบปลั๊กและเปิดเครื่องอีกครั้ง
- ค่อยๆปรับปุ่มอุณหภูมิ ไปที่ระดับที่ต้องการ
หลังจากทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นทั้งหมดแล้ว หากตู้กดน้ำยังไม่เย็น คุณควรเรียกช่างซ่อมมืออาชีพในกรณีต่อไปนี้
- ไม่มีเสียงคอมเพรสเซอร์ทำงาน – แม้จะตรวจสอบระบบไฟฟ้าแล้ว
- มีเสียงผิดปกติ เช่น เสียงดังกึกๆ เสียงคลิกถี่ๆ หรือเสียงรัวจากคอมเพรสเซอร์
- มีน้ำรั่วซึมออกจากตู้ – หรือพบน้ำขังใต้ตู้
- มีกลิ่นไหม้หรือกลิ่นแปลกๆ ออกมาจากตู้กดน้ำ
- ทำตามขั้นตอนแก้ไขปัญหาทั้งหมดแล้ว แต่น้ำยังไม่เย็น
การซ่อมแซมระบบทำความเย็น โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับคอมเพรสเซอร์และสารทำความเย็น ควรดำเนินการโดยช่างผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากต้องใช้เครื่องมือพิเศษและความรู้เฉพาะทาง
การดูแลเชิงป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการยืดอายุการใช้งานของตู้กดน้ำเย็น
1. ทำความสะอาดตู้กดน้ำสม่ำเสมอ
- ทำความสะอาดภายนอกด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาดทุกสัปดาห์
- ทำความสะอาดแผงระบายความร้อนทุก 3 เดือน
- ล้างถังน้ำภายในทุก 3-6 เดือน เพื่อป้องกันการสะสมของตะกรัน
ล้างตู้กดน้ำเย็นกับเรา
สยามคูลเลอร์ มาร์ท แอนด์ เซอร์วิส รับบริการล้างตู้ทำน้ำเย็น ถังคว่ำ, ถังล่าง, กรองในตัว, ต่อตรงท่อประปา พร้อมตรวจเช็คอะไหล่ตู้น้ำดื่มด้านใน มีผลงานจริงให้รับชมทั้งรูปภาพและวิดีโอ คลิกปุ่มด้านล่างเพื่ออ่านรายละเอียด
2. จัดวางตู้กดน้ำอย่างเหมาะสม
- วางในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทดี
- ห่างจากแสงแดดและแหล่งความร้อน
- เว้นระยะห่างจากผนังอย่างน้อย 15 ซม.
3. ใช้งานอย่างเหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการกดน้ำติดต่อกันเป็นเวลานาน
- รอให้น้ำเย็นทั่วถึงก่อนใช้งานครั้งต่อไป
- ไม่ใช้งานเกินกำลังของเครื่อง
- เลือกตู้กดน้ำที่ประหยัดพลังงาน
4. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นระยะ
- ตรวจหาร่องรอยความเสียหายของสายไฟ
- ใช้เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้าในพื้นที่ที่ไฟตก-ไฟเกินบ่อย
5. จัดตารางบำรุงรักษาประจำปี
- นัดช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบประจำปี
- ตรวจสอบระดับสารทำความเย็นทุก 1-2 ปี
A : ให้ตรวจสอบว่าคอมเพรสเซอร์ทำงานหรือไม่ (มีเสียงหึ่งๆ) หากทำงานแต่น้ำไม่เย็น อาจเกิดจากสารทำความเย็นรั่ว แผงระบายความร้อนสกปรก หรือคอมเพรสเซอร์อ่อนกำลัง ควรทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อนเรียกช่าง
A : โดยทั่วไป ตู้กดน้ำเย็นที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีควรมีอายุการใช้งาน 8-10 ปี สำหรับการใช้งานภายในอาคาร และ 5-7 ปีสำหรับการใช้งานภายนอกอาคาร
A : คอมเพรสเซอร์ที่มีคุณภาพดีและได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมควรมีอายุการใช้งาน 5-8 ปี การเปลี่ยนก่อนเวลาอันควรมักเกิดจากการใช้งานหนักเกินไป การวางตู้ในที่ร้อน หรือการระบายอากาศไม่ดี
A : ในช่วงอากาศร้อนจัด ระบบทำความเย็นต้องทำงานหนักกว่าปกติ อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะหากแผงระบายความร้อนสกปรกหรือมีการระบายอากาศไม่ดี แนะนำให้ทำความสะอาดแผงระบายความร้อนและย้ายตู้ไปยังจุดที่เย็นกว่า
A : เสียงดังผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่รุนแรง เช่น คอมเพรสเซอร์ใกล้เสีย พัดลมระบายอากาศมีสิ่งกีดขวาง หรือท่อสารทำความเย็นมีการสั่นสะเทือน ควรปิดเครื่องและเรียกช่างซ่อมทันที
A : ควรพิจารณาเปลี่ยนตู้กดน้ำเย็นเมื่อ:
- อายุการใช้งานเกิน 8-10 ปี
- ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงกว่า 50% ของราคาเครื่องใหม่
- มีปัญหาไฟฟ้าช็อตหรือน้ำรั่วซึมรุนแรง
- คอมเพรสเซอร์เสียหายในเครื่องที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปี
ตู้กดน้ำไม่เย็นเป็นปัญหาที่พบบ่อย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอากาศร้อน สาเหตุหลักมักมาจากคอมเพรสเซอร์เสียหาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการทำความเย็น ปัญหานี้อาจเกิดจากระบบระบายความร้อนไม่ดี เช่น มอเตอร์พัดลมไม่ทำงาน หรือสารทำความเย็นรั่วซึม อุดตัน
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำความเย็น ได้แก่
- สภาพแวดล้อมที่ร้อนเกินไป
- การระบายอากาศไม่ดี
- เทอร์โมสตัททำงานผิดปกติ
- ปัญหาด้านไฟฟ้า
การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นด้วยตัวเองสามารถทำได้โดยการตรวจสอบระบบไฟฟ้า ทำความสะอาดแผงระบายความร้อน และปรับเปลี่ยนตำแหน่งการวางตู้ให้เหมาะสม อย่างไรก็ตาม หากพบปัญหาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับคอมเพรสเซอร์หรือระบบทำความเย็น ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมอย่างถูกต้อง
การดูแลรักษาเชิงป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาตู้กดน้ำไม่เย็น และช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้กดน้ำเย็นให้ยาวนานขึ้น คุ้มค่ากับการลงทุน
หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับตู้กดน้ำเย็นและต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมช่างผู้เชี่ยวชาญของเราได้ เรายินดีให้คำปรึกษาและบริการซ่อมแซมด้วยทีมช่างมืออาชีพ พร้อมรับประกันงานซ่อม >>ติดต่อเรา<<
เงื่อนไขการให้บริการ
- ราคาขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการให้บริการ เช่น ราคาส่งอย่างเดียว ราคาส่งพร้อมติดตั้ง สามารถสอบถามและขอใบเสนอราคาได้ตามช่องทางติดต่อด้านล่าง
- ส่งสินค้าฟรีเฉพาะเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
- หากลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด มี 2 กรณี
3.1 ส่งอย่างเดียวโดยการใช้บริการขนส่ง ค่าขนส่งขึ้นอยู่กับระยะทางและน้ำหนักสินค้า จ่ายต้นทางหรือปลายทางขึ้นอยู่กับการตกลง
3.2 ทางเราดำเนินการส่งเองพร้อมติดตั้งให้ โดยจะมีการคิดค่าน้ำมันตามระยะทางไป-กลับ
หมายเหตุ : ทางเราไม่ได้มีบริการติดตั้งทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ ทางเราไม่มีบริการติดตั้ง ขึ้นอยู่กับระยะทางและปริมาณการซื้อขาย สามารถทักมาสอบถามพูดคุยเบื้องต้นก่อนได้ตามช่องทางการติดต่อด้านล่าง
- การติดตั้งไม่รวมถึงการเดินท่อประปา, ท่อน้ำทิ้ง, ปลั๊กไฟ และสายไฟ สิ่งเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของลูกค้า
- ติดตั้งฟรีหน้างานในระยะไม่เกิน 5 เมตร จากจุดเชื่อมน้ำประปา ก๊อกน้ำ หรือวาล์วน้ำ เป็นสายอ่อน 2 หุน
- ไม่รับประกันอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพตามการใช้งาน เช่น ก๊อกน้ำ แกนก๊อก ไส้กรองน้ำ
- มีตู้สำรองให้ใช้ระหว่างการซ่อมตลอดอายุการใช้งาน หากต้องยกตู้เข้าโรงงานเพื่อตรวจเช็ค
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อสินค้า ขอใบเสนอราคา
| Line | ![]() |
คลิกที่นี่เพื่อ Chat ทันที |
| siamcooler2025@gmail.com | ||
| @siamcooler | ||
| Youtube | @siamcooler | |
| ออฟฟิศ | 02-539-2630 | 02-539-2607 |
| 02-538-6343 | ||
| มือถือ | 092-364-4629 (ฝ่ายขาย) | 087-935-1415 (ฝ่ายซ่อมบำรุง) |
| แฟกซ์ | 02-931-1381 | |
Siamcooler Mart and Service ยินดีให้คำปรึกษาและให้บริการอย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยลูกค้าแก้ปัญหา เปรียบเสมือนแผนกหนึ่งในองค์กรที่ช่วยดูแลเรื่องตู้กดน้ำ ไส้กรองน้ำ เครื่องกรองน้ำ อะไหล่ และบริการบำรุงรักษา เช่น การล้างทำความสะอาด การซ่อมบำรุง การทำสัญญาบริการรายปี
ประสบการณ์กว่า 20 ปี มีฐานลูกค้ามากกว่า 6,000 ราย ได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐ เอกชน โรงเรียน ครัวเรือน และขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จากการบอกต่อของลูกค้าที่ประทับใจในการใช้บริการกับเรา สามารถชื่นชมผลงานที่ผ่านมาของเราได้ที่นี่


















