ทำไมน้ำที่ผ่านเครื่องกรองน้ำแล้วถึงมีสีเหลือง? พร้อมวิธีแก้

ทำไมน้ำที่ผ่านเครื่องกรองน้ำแล้ว ถึงมีสีเหลือง

1. น้ำกรองมีสีเหลืองคืออะไร? อันตรายไหม?

น้ำกรองที่มีสีเหลืองหลังผ่านเครื่องกรองน้ำ ไม่ได้หมายความว่าอันตรายเสมอไป แต่เป็นสัญญาณเตือน ว่าระบบกรองของคุณอาจมีสิ่งผิดปกติ เช่น สนิม เหล็ก เรซิ่นเสื่อม หรือแบคทีเรียสะสม

ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ :

สีเหลืองในน้ำมักมาจาก สารเหล็ก (Fe²⁺) หรือ แมงกานีส (Mn²⁺) ที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน
กลายเป็น “สนิมน้ำ” (Ferric Oxide) ซึ่งให้สีเหลือง-น้ำตาลอ่อน

น้ำมีสีเหลือง

2. สาเหตุหลักของน้ำกรองสีเหลืองในประเทศไทย

2.1 คราบสนิมและเหล็กในน้ำ

ในหลายพื้นที่ของไทย โดยเฉพาะแหล่งน้ำบาดาลและน้ำประปาแบบเก่า พบว่ามีค่าเหล็ก (Fe) และแมงกานีส (Mn) ที่ใกล้หรือเกินเกณฑ์มาตรฐานสำหรับน้ำดื่มของ World Health Organization (0.3 mg/L) ซึ่งอาจทำให้เกิดคราบสนิมและทำให้น้ำมีสีเหลืองได้

✅ วิธีแก้ :

  • ใช้สารกรอง Manganese หรือ Resin Filter
  • ล้างระบบทุก 3 เดือน

2.2 ไส้กรองหมดอายุหรืออุดตัน

ไส้กรองคาร์บอนและไส้กรองเรซิน เมื่อเสื่อมสภาพจะไม่สามารถดูดซับสารอินทรีย์ได้ดี บางกรณีตัวไส้กรองเอง กลับปล่อยคราบสีน้ำตาลออกมา

✅ วิธีแก้ :

  • เปลี่ยนไส้กรองน้ำตามรอบ (PP ทุก 3–6 เดือน, Carbon ทุก 6 เดือน, RO Membrane ทุก 12–24 เดือน)
  • ตรวจสอบสภาพภายใน Housing หากมีคราบน้ำตาลให้ทำความสะอาดด้วยน้ำเกลืออ่อน

2.3 ระบบท่อเก่าหรือถังพักน้ำสกปรก

ในบ้านพักอาศัยหลายหลัง โดยเฉพาะที่มีถังเก็บน้ำกลางแจ้งหรือใช้ท่อเก่าอาจพบปัญหาการสะสมของตะกอน สนิม หรือคราบในถังเก็บน้ำ ซึ่งสามารถหลุดออกมาเมื่อมีการเปิดน้ำแรงๆ และเข้าไปยังระบบกรองน้ำ

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในประเทศไทยยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการ จึงควรใช้ร่วมกับการตรวจสอบด้วยตัวเอง เช่น ดูสีของน้ำ ตรวจสอบถังเก็บน้ำ และเปลี่ยนท่อเก่าที่มีสนิมอย่างเหมาะสม

✅ คำแนะนำ : 

  • หมั่นตรวจถังพักน้ำและท่อเก่า เช่น ทำความสะอาดถังทุก 6–12 เดือน
  • พิจารณาเปลี่ยนท่อเหล็กเก่าเป็น PVC/PP-R หรือวัสดุไม่เป็นสนิม เพื่อช่วยลดการหลุดของตะกอนเข้าสู่ระบบกรอง

2.4 ค่าความกระด้างและตะกรัน

น้ำที่มีความกระด้าง หมายถึง มีแคลเซียม (Ca²⁺) และแมกนีเซียม (Mg²⁺) ในปริมาณสูง พบได้ในหลายแหล่งน้ำของประเทศไทย โดยเฉพาะแหล่งน้ำบาดาลหรือท่อน้ำที่ผ่านหินปูน (ScienceAsia : Minerals in drinking water available in Bangkok, Nakhon Nayok and Chachoengsao)

ความกระด้างดังกล่าวเมื่อนำมาใช้ในระบบกรองน้ำ หรือผ่านเครื่องกรองน้ำนานๆ อาจรวมกับสารเหล็กหรือสนิมในท่อ ทำให้เกิด “ตะกรันสีเหลืองขุ่น” ได้

✅ วิธีแก้เบื้องต้น :

  • ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ Softener (ระบบแลกเปลี่ยนไอออน) สำหรับบ้านที่มีน้ำกระด้างสูง
  • สำหรับระบบที่มีใช้งานเรซิ่นแลก Ca²⁺/Mg²⁺ ควรล้าง Regenerate เรซิ่นด้วยเกลือ ทุก 6 – 12 เดือน

หมายเหตุ : หากไม่แน่ใจว่าบ้านของคุณมีน้ำกระด้างหรือไม่ สามารถใช้ชุดทดสอบความกระด้าง (Hardness Test Kit) ตรวจได้ หรือเช็คกับผู้เชี่ยวชาญระบบกรองน้ำ

2.5 การเปลี่ยนไส้กรองไม่ถูกวิธี

กรณีเพิ่งเปลี่ยนไส้กรองใหม่ แล้วน้ำเป็นสีเหลือง มักเกิดจากฝุ่นคาร์บอนจากไส้กรองใหม่ หรืออากาศที่ค้างอยู่ในระบบ ทำให้เกิดฟองและสีขุ่นคล้ายเหลือง

✅ วิธีแก้ :

  • เปิดน้ำทิ้ง 30–60 นาทีหลังเปลี่ยนไส้กรองน้ำใหม่
  • หากยังไม่หาย ให้ตรวจสอบการใส่ไส้กรองกลับด้าน หรือลำดับของไส้กรองว่าเรียงอย่างถูกต้องแล้ว

2.6 แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ในระบบกรอง

ในระบบกรองที่ไม่ได้เปลี่ยนไส้กรองนานกว่า 6 เดือน หรือไม่ได้ล้างถังแรงดัน จะเกิดการสะสมของแบคทีเรียชนิด Iron Bacteria ซึ่งมีลักษณะสร้างฟิล์มบางๆ สีน้ำตาลหรือเหลือง

✅ วิธีแก้ :

  • ล้างระบบกรองด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัย (เช่น Hydrogen Peroxide 3%)
  • เปิดน้ำทิ้ง 15–30 นาทีหลังล้าง
  • เปลี่ยนไส้กรองทุก 6 เดือน
  • ติดตั้ง UV Sterilizer ช่วยฆ่าเชื้อในขั้นตอนสุดท้ายของระบบ

2.7 น้ำกรองปนกับน้ำทิ้งในระบบ RO

ปัญหานี้พบบ่อยในเครื่องกรองน้ำ RO แบบติดตั้งเอง คือท่อน้ำทิ้งถูกต่อผิดตำแหน่ง ทำให้น้ำกรองผสมกลับกับน้ำทิ้งบางส่วน ซึ่งมักมีสีเหลืองขุ่นจากเหล็กและสารอินทรีย์

✅ วิธีแก้ :

  • ตรวจสอบการต่อท่อ “น้ำเข้า – น้ำกรอง – น้ำทิ้ง” ให้ถูกต้อง
  • อย่าต่อเข้าท่อระบายร่วมกับท่อทิ้งของซิงค์ล้างจาน
  • ตรวจสอบวาล์วเช็ค (Check Valve) ว่ายังทำงานปกติ

2.8 สารแทนนิน (Tannin) ในน้ำบาดาล

ในบางแหล่งน้ำบาดาลของไทยอาจพบสารอินทรีย์ เช่น แทนนิน (tannins) ซึ่งมาจากการย่อยสลายของพืชและใบไม้ ทำให้น้ำมีสีน้ำตาลอ่อนหรือเหลืองชาได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลสาธารณะที่ครอบคลุมทุกพื้นที่เพื่อยืนยันว่าเป็นเหตุใหญ่โดยทั่วไปในประเทศไทย

✅ แนวทางแก้ไขเบื้องต้น :

  • ใช้ไส้กรอง Anion Resin หรือ Activated Carbon (GAC) เพื่อลดสีและสารอินทรีย์
  • ติดตั้งระบบกรองละเอียด เช่น RO ต่อท้าย หากต้องการน้ำที่ใสขึ้นอย่างชัดเจน

2.9 ปัญหาจากเรซิ่น (Resin)

เรซิ่นใหม่ยังไม่ผ่านการล้าง หากไม่ล้างน้ำออกก่อนใช้งาน จะทำให้น้ำออกมาเหลืองจางๆ ใน 1–3 วันแรก หรือหากเรซิ่นไม่มีคุณภาพ เป็นของราคาถูก กว่าน้ำเหลืองจะเปลี่ยนเป็นน้ำใส ต้องใช้เวลาล้างนานมากๆ 

ลักษณะน้ำ :

  • สีเหลืองจาง
  • ไม่มีกลิ่นโลหะ
  • จะค่อยๆใสขึ้นเอง

✅ วิธีแก้ :

  • เลือกใช้ไส้กรองเรซิ่นที่มีคุณภาพ หรือมีมาตรฐานรองรับ
  • ล้างระบบด้วยน้ำสะอาด 2–3 รอบ (เปิดน้ำทิ้งอย่างน้อย 30–60 นาที)
  • หากเป็นเครื่องกรอง Softener ให้ล้างเรซิ่นด้วยน้ำเกลือ 2–3 ครั้ง
     

3. วิธีตรวจสอบปัญหาเบื้องต้นด้วยตัวเอง

🔹 ขั้นตอนที่ 1 : ตักน้ำใส่แก้วใสหรือขวดน้ำพลาสติกใส

เปิดน้ำจากเครื่องกรองใส่แก้วหรือขวดใส วางทิ้งไว้บนโต๊ะในที่มีแสงธรรมชาติ 30–60 นาที

ดูผลลัพธ์ :

  • ✅ ถ้าน้ำค่อย ๆ ใสขึ้น → มักเกิดจากฟองอากาศหรือฝุ่นคาร์บอนจากไส้กรองใหม่ (ไม่อันตราย)
  • ⚠️ ถ้าน้ำยังเหลืองหรือขุ่น → อาจมีสนิม เหล็ก หรือเรซิ่นเสื่อมสภาพ

🔹 ขั้นตอนที่ 2 : สังเกตกลิ่นของน้ำ

ลองดมใกล้ๆแก้วน้ำอย่างระมัดระวัง

ผลลัพธ์ที่พบได้บ่อย :

  • มีกลิ่นโลหะ → มักเกิดจากเหล็กหรือทองแดงในท่อ
  • มีกลิ่นคลอรีนแรง → ไส้กรองคาร์บอนหมดอายุ
  • มีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นโคลน → อาจมีแบคทีเรียสะสมในระบบกรอง

คำแนะนำ : หากมีกลิ่นชัดเจน ควรหยุดใช้น้ำกรองชั่วคราวและเปลี่ยนไส้กรองใหม่

อ่านต่อ : ตู้ทำน้ำเย็น มีกลิ่นเหม็น : สาเหตุและวิธีแก้ไข

🔹 ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจดูตะกอน หรือคราบในแก้ว

หลังจากตั้งน้ำไว้สักพัก ให้ส่องดูที่ก้นแก้ว ถ้ามีคราบสีน้ำตาลหรือเหลืองเกาะอยู่ มักมาจากตะกอนสนิมในถังหรือท่อ

วิธีทดสอบเพิ่มเติม (ถ้ามีผ้าขาวหรือทิชชู) :

กรองน้ำผ่านผ้าขาว → ถ้ามีจุดเหลืองติดแสดงว่ามีสนิมหรือเหล็กปน

🔹 ขั้นตอนที่ 4 : ตรวจแรงดันน้ำ

แรงดันน้ำต่ำอาจทำให้ระบบกรองทำงานไม่เต็มที่จนเกิดน้ำเหลืองหรือขุ่น

วิธีเช็คง่ายๆ :

  • สังเกตแรงน้ำที่ไหลจากก๊อกกรอง → ถ้าน้ำไหลเอื่อยกว่าปกติ อาจมีการอุดตันในไส้กรอง
  • เปิดก๊อกอื่นในบ้านเทียบกัน ถ้าก๊อกกรองไหลช้าที่สุด → ควรเปลี่ยนไส้กรองชั้นแรก (PP Filter)

🔹 ขั้นตอนที่ 5 : ทดสอบด้วยชุดตรวจน้ำ (ถ้ามี)

ปัจจุบันมีชุดตรวจคุณภาพน้ำแบบ Home Test Kit ขายทั่วไปสามารถตรวจได้ เช่น

  • ค่าเหล็ก (Iron)
  • ความกระด้าง (Hardness)
  • ค่า pH

ราคาประมาณ 100–200 บาท ใช้งานง่าย ถ้าค่าที่วัดได้สูงเกินมาตรฐาน WHO ควรติดต่อผู้เชี่ยวชาญระบบกรองน้ำเพื่อแก้ไขอย่างถูกวิธี

📚 มาตรฐานน้ำดื่ม WHO : เหล็กไม่เกิน 0.3 mg/L, pH อยู่ระหว่าง 6.5–8.5

ตารางสรุปขั้นตอนตรวจสอบเองอย่างง่ายๆ

อาการของน้ำ

สาเหตุที่พบบ่อย

สิ่งที่ควรทำ

น้ำเหลืองแต่ใส ฝุ่นคาร์บอน / ฟองอากาศ เปิดน้ำทิ้ง 30 นาที
น้ำเหลืองขุ่น + มีกลิ่น เหล็ก / เรซิ่น / แบคทีเรีย ล้างระบบ / เปลี่ยนไส้กรอง
มีกลิ่นคลอรีนแรง คาร์บอนเสื่อม เปลี่ยนไส้กรองคาร์บอน
น้ำไหลช้า ไส้กรองตัน เปลี่ยน PP Filter และตรวจไส้กรองขั้นตอนอื่นด้วย
เหลืองเฉพาะบางช่วงเวลา ท่อหรือถังสกปรก ล้างถังเก็บน้ำ

4. แนวทางแก้ไขและการป้องกัน

✅ 4.1 เปิดน้ำทิ้งหลังเปลี่ยนไส้กรองใหม่

หลังเปลี่ยนไส้กรอง โดยเฉพาะไส้กรองคาร์บอนหรือเรซิ่น ควรเปิดน้ำทิ้งประมาณ 30–60 นาที เพื่อชะล้างฝุ่นคาร์บอนและสารกันชื้นที่อาจทำให้น้ำเหลืองช่วงแรก

✅ 4.2 ล้างกระบอกกรอง (Housing) และเช็กซีลยาง

ทุกครั้งที่เปลี่ยนไส้กรอง ควรล้างตัวกระบอก Housing ด้วยน้ำสะอาดหรือผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย ห้ามใช้สารเคมีแรงๆ เพราะอาจทำให้ซีลยางเสื่อม

✅ 4.3 ล้างถังพักน้ำและท่อเก่า

บ้านที่ใช้ถังเก็บน้ำซีเมนต์หรือท่อเหล็ก ควรล้างถังอย่างน้อยทุก 6 เดือน และตรวจดูว่าท่อเก่ามีคราบสนิมหรือไม่ ถ้ามีควรเปลี่ยนเป็นท่อ PVC หรือ PP-R

✅ 4.4 ตรวจแรงดันน้ำ

แรงดันน้ำต่ำเกินไป (<30 PSI) อาจทำให้ระบบกรองทำงานไม่เต็มที่ สามารถติดตั้งปั๊มเพิ่มแรงดันขนาดเล็กเพื่อให้ระบบกรอง RO หรือ UF ทำงานได้ดีขึ้น

อ่านต่อ : ระบบกรอง UF vs RO ออฟฟิศเลือกแบบไหนดี? : เปรียบเทียบชัดๆ

5. ตารางสรุป : สาเหตุ – อาการ – วิธีแก้

🔍 สาเหตุของน้ำเหลือง

😧 อาการที่สังเกตได้

🧰 วิธีแก้ไข / แนวทางป้องกัน

1. เหล็กหรือสนิมในน้ำ น้ำมีสีเหลืองน้ำตาล / มีกลิ่นโลหะอ่อน ๆ ติดตั้งสารกรอง Manganese / Resin Filter, ล้างถังน้ำทุก 6 เดือน
2. ไส้กรองหมดอายุหรืออุดตัน น้ำเริ่มเหลือง + มีกลิ่นคลอรีน หรือไหลช้า เปลี่ยนไส้กรองตามรอบ (PP ทุก 3–6 เดือน, Carbon ทุก 6 เดือน, RO ทุก 6-12 เดือน)
3. เรซิ่นเสื่อมหรือปนออกมา น้ำเหลืองจางๆ มีเม็ดเล็กๆลื่นๆ ล้างเรซิ่นด้วยน้ำเกลือเข้มข้น / เปลี่ยนเรซิ่นใหม่ทุก 2–3 ปี
4. แบคทีเรียในระบบกรอง (Iron Bacteria) น้ำมีกลิ่นโคลน / มีเมือกสีน้ำตาลในไส้กรอง ล้างระบบด้วย Hydrogen Peroxide 3%, ติดตั้ง UV Sterilizer
5. ถังเก็บน้ำหรือท่อเก่า น้ำเหลืองเฉพาะตอนเปิดน้ำแรงๆ ล้างถังเก็บน้ำทุก 6 เดือน, เปลี่ยนท่อเหล็กเป็น PVC หรือ PP-R
6. การเปลี่ยนไส้กรองไม่ถูกวิธี น้ำเหลืองหลังเปลี่ยนไส้กรองใหม่ เปิดน้ำทิ้ง 30–60 นาที เพื่อชะล้างฝุ่นคาร์บอน
7. ความกระด้างและตะกรันสูง มีคราบขาวเหลืองเกาะก๊อกหรือภาชนะ ติดตั้งเครื่องกรอง Softener และล้างเรซิ่นเดือนละครั้ง
8. สารอินทรีย์ (Tannin) น้ำมีสีชาอ่อน แต่ไม่มีกลิ่น ใช้ไส้กรอง Anion Resin หรือ Carbon GAC, ติดตั้ง RO ต่อท้าย
9. ท่อน้ำทิ้ง RO ต่อผิดทาง น้ำกรองขุ่นหรือมีกลิ่นแปลก ตรวจการต่อท่อน้ำทิ้ง และเช็กวาล์วกันกลับ (Check Valve)
10. แรงดันน้ำต่ำ น้ำกรองไหลช้า สีขุ่นคล้ำ ติดตั้งปั๊มเพิ่มแรงดัน (Booster Pump) ให้เหมาะกับระบบกรอง
11. ไม่เคยล้างระบบเลย น้ำขุ่น เหลือง มีกลิ่นอับ ล้างเครื่องกรองทั้งชุดทุก 6 เดือน, ตรวจไส้กรองทุกชั้น

6. สรุปและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

น้ำกรองที่มีสีเหลือง ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณของเหล็ก สนิม หรือระบบกรองเสื่อม อย่างไรก็ตาม หากเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหลังเปลี่ยนไส้กรองใหม่ ถือว่าไม่อันตราย

การแก้ปัญหาที่ตรงจุดคือ

  • ตรวจสอบคุณภาพน้ำต้นทาง
  • เปลี่ยนไส้กรองให้ถูกประเภท
  • ทุกครั้งที่ใช้ไส้กรองน้ำใหม่ ต้องเปิดน้ำทิ้งอย่างต่ำ 30-60 นาที
  • ทำความสะอาดระบบและถังเก็บน้ำอย่างสม่ำเสมอ

💬 หากไม่แน่ใจ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านระบบกรองน้ำหรือร้านตัวแทนจำหน่ายเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำดื่มในบ้านของคุณปลอดภัยจริง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *